กองสำรวจผู้สาบสูญ
MasterQuest
Act: 6
แดนนิกได้ขอให้คุณช่วยเหลือชาวคาลเกอร์ในการเปิดแผ่นดินหาชะตากรรมของกองสำรวจที่มายังเวร์แคลส์ทแต่กาลก่อน ค้นหาบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลายแล้วมาคืนให้กับเขาเพื่อทำการแปล
The Lost Expedition
# | ชื่อ |
---|---|
1 | ค้นหาบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลาย แดนนิกได้ขอให้คุณช่วยเหลือชาวคาลเกอร์ในการเปิดแผ่นดินหาชะตากรรมของกองสำรวจที่มายังเวร์แคลส์ทแต่กาลก่อน ค้นหาบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลายแล้วมาคืนให้กับเขาเพื่อทำการแปล |
2 | เก็บบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ เก็บบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ แล้วนำมันไปคืนให้กับแดนนิกเพื่อทำการแปล |
3 | ค้นหาเพลิงทริสเกียล คุณได้ค้นพบเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับชาวคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ในเวร์แคลส์ทแล้ว ค้นหาเพลิงทริสเกียล ซึ่งน่าจะอยู่ที่หลุมฝังศพสุดท้ายของหนึ่งในมหาวีรชนทั้งสี่ของพวกเขา NPC: พวกเราบางคนเชื่อว่าเธอสามารถฆ่าอสุรกายทุกตัวในแผ่นดินที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ได้ แต่คนอื่นๆ ไม่ได้มองอะไรในแง่ดีเช่นนั้น หากวอราน่าไม่กลับมา พวกเขายังมีทางออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางออกที่พวกเราไม่กล้าออกไปตั้งแต่แรก มันเป็นทางออกที่แฝงอยู่ใต้แผ่นดิน เก่าแก่ยิ่งกว่าผู้ที่ชราที่สุด... เราจะต้องรักษาความหวังเอาไว้ นี่ไม่ใช่จุดจบของกลุ่มชนของเราในแผ่นดินนี้ แม้ราตรีจะบังเกิด แต่รุ่งอรุณย่อมตามมาเสมอ พวกเราบางคนเชื่อว่าเธอสามารถฆ่าอสุรกายทุกตัวในแผ่นดินที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ได้ แต่คนอื่นๆ ไม่ได้มองอะไรในแง่ดีเช่นนั้น หากวอราน่าไม่กลับมา พวกเขายังมีทางออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางออกที่พวกเราไม่กล้าออกไปตั้งแต่แรก มันเป็นทางออกที่แฝงอยู่ใต้แผ่นดิน เก่าแก่ยิ่งกว่าผู้ที่ชราที่สุด... เราจะต้องรักษาความหวังเอาไว้ นี่ไม่ใช่จุดจบของกลุ่มชนของเราในแผ่นดินนี้ แม้ราตรีจะบังเกิด แต่รุ่งอรุณย่อมตามมาเสมอ แต่ข้าก็มีคำถามหนึ่งที่คาใจ: เออห์เทร็ดเป็นคนแรกที่ประกาศว่ามณีนั้นเป็นของที่ไม่สะอาด จากคำบอกเล่าที่เราพบ เขาไม่เคยใช้มณีเหล่านั้นเลย แล้วเขาเสียสติไปได้ยังไง? เขาพบเห็นอะไรถึงเสียสติไปแบบนี้? เราจะไม่พูดถึงส่วนที่เธอกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วช้าที่เป็นอมตะนะ เข้าใจไหม? |
4 | เข้าหาเพลิงทริสเกียล เข้าหาเพลิงทริสเกียล แล้วเก็บมันไปให้กับกลุ่มชาวคาลเกอร์ |
5 | สยบออลรอธ เพลิงทริสเกียลได้ชุบชีวิตออลรอธผู้มืดมน หัวหน้ากองอัศวินดวงตะวันขึ้นมาจากความตาย ส่งเขาไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้ายเสีย |
6 | ค้นหาบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลาย คุณได้สยบออลรอธและทำลายเพลิงทริสเกียลไปแล้ว แต่เรื่องราวยังไม่ครบถ้วน ค้นหาบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ทั้งหลาย แล้วนำมันมาคืนให้กับแดนนิกเพื่อทำการแปล NPC: แต่ข้ายังสับสนนัก หากเออห์เทร็ดไม่มีเพลิงทริสเกียล คนที่ขโมยไปก็ต้องเป็นออลรอธสิ แต่แดนนิกอ้างว่าเพลิงนั้นไม่ได้อยู่กับออลรอธ แล้วถ้างั้น... ใครเอาเพลิงนั่นไปกันแน่? ใครเป็นคนเผาเรือแล้วล่องเรือหนีไปในวันสุดท้ายของหายนะนั่นเล่า? มันมีอะไรแปลกๆ ข้าไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยเอ็กไซล์ มันเหมือนเป็นลางว่ามีใครบางคน หรือ{บางสิ่งบางอย่าง} ที่เคลื่อนผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้... มันทำให้ข้านึกขึ้นได้ว่าเรามีเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของภาพที่แท้จริง ประวัติศาสตร์ของเรานั้นมันก็เป็นสิ่งที่เราบอกเล่าต่อกันและกัน เราไม่ได้ขุดคุ้ยจนพบความจริง{อันครบถ้วน} แต่เราพบเพียงความจริง{ประการเดียว}เท่านั้น ข้ารู้สึกสะเทือนขวัญ ห่างไกลจากบรรพชนของข้ายิ่งนัก เราทำได้เพียงก้าวต่อไปเท่านั้นแหละเพื่อน |
7 | เก็บบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ เก็บบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ แล้วนำมันมาคืนให้กับแดนนิกเพื่อทำการแปล เพื่อให้คุณทำการรวบรวมเรื่องราวของชาวคาลเกอร์ให้ครบถ้วน รวมถึงเรื่องราวเบื้่องหลังการที่ออลรอธได้ครอบครองเพลิงทริสเกียลในตอนท้ายที่สุด |
8 | กลับไปหาแดนนิกเพื่อรับคำแปล คุณได้พบกับบันทึกคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ นำมันมาคืนให้กับแดนนิกเพื่อรับฟังคำแปลของเนื้อหาภายในเล่มที่หายสาบสูญมาเนิ่นนาน NPC: ข้าคิดผิด การปลูกอาหารที่ไม่มีพิษนั้นไม่เหมือนกับการรักษาความปลอดภัยให้กับพวกพันธุ์มืด มันเหมือนกับว่าแผ่นดินต้องสาปนี้เรียนรู้จากชัยชนะของเรา แล้วบิดเบือนพวกเดรัจฉานในแนวทางใหม่ๆ ที่เอาชนะการป้องกันของเราได้ เมื่อเรากวาดล้างพวกเวอร์นิคูเลียทั้งหมด เว้นแต่พวกที่แข็งแกร่งที่สุด พวกแข็งแกร่งที่อยู่รอดก็ขยายพันธุ์ต่อไปได้ พร้อมสืบทอดความอันตรายของมันต่อไป หากเราจะครองชัยชนะอย่างแท้จริงแล้วปกป้องหมู่บ้านที่กระจายตัวขึ้นไปทุกที เราจะต้องกำจัดให้สิ้นไปทุกสายพันธุ์ เราจะต้องตัดชิ้นส่วนหนึ่งของอวัยวะออกไปโดยสิ้นเชิง หากเราทำได้น้อยไปกว่านั้น เราย่อมเร่งให้หายนะเข้าใกล้ขึ้นมาทุกที ข้ากลับไปนึกถึงหน้าที่ที่ยังไม่เสร็จสิ้น ปีศาจตาเปล่าตัวนั้นไม่เหมือนกับตัวอื่น ข้าจะต้องใช้คบเพลิงกับคมดาบขจัดให้มันหายไปจากโลกใบนี้ เพลิงมนุษย์นั้นไม่ช่วยอะไร อาวุธมนุษย์ไม่ช่วยให้เลือดออก ข้าจำต้องคิดถึงทางออกต้องห้าม เม็ดเว็ดกับเหล่าผู้ครองมนต์ธรรมชาติของเขาต่างทอดทิ้งหลักการอันเป็นแก่นแท้ของพวกเขาเพื่อให้เอาตัวรอดได้ ข้าเองก็ต้องทำเช่นกัน เหล่าชาวเขาเคยเตือนข้าเรื่องมณีที่นำมาซึ่งพลัง แต่ว่าข้าไม่มีทางเลือกอีกต่อไป... เราโง่มาตลอดที่ปฏิเสธพลังนี้ ความผิดพลาดของเราทำให้กลุ่มชนของเรามากมายต่างต้องทุกข์ทรมาน เมื่อแสงตะวันส่องมายังยอดไม้ ข้าจะสั่งให้เหล่ากองอัศวินดวงตะวันที่ยังเหลือรอดออกตามหามณีต้องห้ามพวกนี้ มันได้เวลาที่เราจะยึดแผ่นดินนี้ ทำให้มันปลอดภัยไปตลอดกาล เม็ดเว็ดตอบกลับ "ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาอดีตย่อมไม่อาจรอดพ้นจากการซ้ำรอยอดีต แต่ผู้ที่ไม่สามารถศึกษาอดีตนั้นไม่มีอนาคตแม้แต่น้อย วงนั้นได้ขาดแล้ว" ผู้หญิงคนนั้นได้ดึงผ้าคลุมหน้าของเธอออกมา เผยตนว่าเป็นวอราน่า ผู้นำแห่งเคียวดำ เธอตอบ "งั้นหันมาจับอาวุธเสีย เราจะต่อสู้ฟันฝ่าไปในช่วงเวลาระหว่างอดีตกับอนาคต" เม็ดเว็ดรับของขวัญของเธออันได้แก่ขวานสองเล่ม แล้วเริ่มฝึกภาคีของเขาให้พร้อมกับการต่อสู้ ขวานทั้งสองเล่มมีมณีในด้ามขวานอันมีพลังมหาศาล เธอตะโกนแก่ปวงประชาว่า "เออห์เทร็ดผู้ทรยศได้ขโมยเพลิงไปแล้ว!" กลุ่มชนร้องระงมอย่างสิ้นหวังในยามที่ภัยสยองบุกเข้ามาจากทั่วสารทิศ ในเมื่อไม่มีม่านพลังดารา ก็ไม่มีการคุ้มครอง หมู่บ้านใจกลางกลายเป็นปราสาทสุสาน คุ้มภัยและห่อหุ้มไปด้วยกำแพงกับเหล็ก แต่ไม่อาจหนีได้พ้น พวกเราหลายคนหลบหนีไปยังที่ฝังศพของออลรอธ พบว่าโลงแก้วของเขาแตกสลาย เขาได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว และเราต้องเชื่อว่าเขากำลังออกไปต่อสู้ในความมืดมิดเพื่อช่วยชีวิตพวกเรา ไม่ว่าเออห์เทร็ดผู้ทรยศจะอ้างอย่างไรก็ตาม พวกเราบางคนเชื่อว่าเธอสามารถฆ่าอสุรกายทุกตัวในแผ่นดินที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ได้ แต่คนอื่นๆ ไม่ได้มองอะไรในแง่ดีเช่นนั้น หากวอราน่าไม่กลับมา พวกเขายังมีทางออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางออกที่พวกเราไม่กล้าออกไปตั้งแต่แรก มันเป็นทางออกที่แฝงอยู่ใต้แผ่นดิน เก่าแก่ยิ่งกว่าผู้ที่ชราที่สุด... เราจะต้องรักษาความหวังเอาไว้ นี่ไม่ใช่จุดจบของกลุ่มชนของเราในแผ่นดินนี้ แม้ราตรีจะบังเกิด แต่รุ่งอรุณย่อมตามมาเสมอ เออห์เทร็ดตอบกลับ "ทำไมเจ้าถึงคิดว่าออลรอธหายไปในความมืดมิดเล่า? เขาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของภัยสยองอันผิดเพี้ยน เขาต่อสู้ให้กับเราในยามกลางวัน เขาต่อสู้ให้กับพวกมันตอนกลางคืน" ผู้หญิงคนนั้นได้ดึงผ้าคลุมหน้าของเธอออกมา เผยตนว่าเป็นวอราน่า ผู้นำแห่งเคียวดำ เธอตอบ "ข้าควรจะฆ่าเจ้าให้ตายจากที่เจ้าพูดไว้ตรงนี้" ด้วยเคียวที่จ่อคอหอย เออห์เทร็ดตอบ "หากเจ้าต้องการฆ่าข้า ก็เชิญฆ่าในหนึ่งสัปดาห์ หากศัตรูของเรานั้นไร้ระเบียบไร้ชีวิตชีวาในยามที่ออลรอธอยู่ในโลงกระจก เจ้าจะรู้ว่าที่ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริง" วอราน่าให้คำมั่น "หากเจ้าคิดผิด ข้าจะเอาหัวเจ้าไปป้อนให้กับปีศาจตาเปล่าตรงนี้ด้วยตัวเอง" แล้วเธอก็จากไป ในสัปดาห์นั้นศัตรูมิได้ไร้ระเบียบหรือไร้ชีวิตชีวาแม้แต่น้อย เออห์เทร็ดหนีเข้าไปหลบซ่อนในสถานที่ดึกดำบรรพ์อันทรงพลังแห่งหนึ่ง |
9 | ภารกิจเสร็จสิ้น ภารกิจเสร็จสิ้น - คุณได้ค้นพบเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับชาวคาลเกอร์ดึกดำบรรพ์ในเวร์แคลส์ท และได้พบตำแหน่งของเพลิงทริสเกียลแล้ว โชคร้ายที่มันต้องถูกทำลายเพื่อให้สามารถสยบออลรอธได้ |
Edit
Wikis Content is available under CC BY-NC-SA 3.0 unless otherwise noted.
Wikis Content is available under CC BY-NC-SA 3.0 unless otherwise noted.