[DNT] — AzmeriPrimalistTest |
สวัสดี เชิญเข้ามาได้ — PrimalistWildGreeting |
ถ้าอยากใช้ไฟร่วมกับข้าก็มาเถิด คนที่ระหกระเหินเข้ามาในป่านี้แล้วอยู่ได้นานพอที่จะพูดคุยกันมันหาได้ยากนัก ยิ่งมีวิสป์ศักดิ์สิทธิ์นำทางก็ยิ่งหาได้ยากเข้าไปอีก — แนะนำตัว |
ข้าสอนเจ้าได้หากเจ้าต้องการ วิสป์ศักดิ์สิทธิ์เลือกที่จะนำทางเจ้า ข้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาเห็นต่างจากดรีออกต์กันเล่า? — การสอน |
เส้นทางเจ้าจะเต็มไปด้วยการดิ้นรนและความป่าเถื่อน — PrimalistPrimalistFromNone |
ข้าเคารพเส้นทางของมาไจ แต่มันไม่เหมาะกับนักล่าอย่างเรา — PrimalistPrimalistFromMaji |
ข้าเคารพเส้นทางของจอมอาคม แต่สิ่งที่ตายควรถูกกิน มิใช่ถูกจับมาเป็นทาส — PrimalistPrimalistFromWarlock |
นักล่าเก็บความดุดันเอาไว้แม้ยามตาย ซึ่งเราหยิบยืมความดุดันนั้นมาได้ — PrimalistPurchased1 |
การจู่โจมของนักล่านั้นรวดเร็วร้ายแรง — PrimalistPurchased2 |
เก็บสิ่งที่เจ้าสังหารเสีย — PrimalistPurchased3 |
จงดิ้นรนให้เติบโตเสีย เมื่อเจ้าพร้อม ข้าย่อมมีอะไรมาสอนเจ้าเพิ่มเติม — กลับมาใหม่ |
การขึ้นลำดับขั้นในป่าเขานั้นย่อมไม่ง่ายแน่ สิ่งมีชีวิตไร้ชื่อยิ่งใหญ่คืบคลานอยู่ในป่าวิเศษมากมาย อยู่อย่างทรมานและโศกสลดตลอดกาล พวกมันอันตรายทว่าควรได้รับเมตตา พวกมันจึงจะเป็นเหยื่อของเจ้า จงมาหาข้าเพื่อเจ้าออกล่าเสร็จสิ้น แล้วเราจะฝึกฝนไปด้วยกัน — ล่าด้วยเมตตา |
ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานเก่าแก่ที่เติบโตในตัวเจ้า ใช่ เจ้าพร้อมเรียนรู้แล้วละ — ล่าด้วยเมตตา เสร็จสิ้น |
เจ้ากำลังเป็นอะไรมากไปกว่าที่เคย วิสป์ศักดิ์สิทธิ์บอกข้าว่าเจ้าพร้อมต่อสู้ไปสู่จุดสูงสุดของกฎของธรรมชาติแล้ว จงตามหาสิ่งมีชีวิตไร้ชื่อที่อันตรายที่สุด อีกาที่โสมมที่สุดอันได้แก่มอร์ริแกนผู้มืดดำ มันเป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายยิ่ง เป็นบ้าเป็นคลั่งไปด้วยโรคต้องสาปของมัน จงหลบคมจงอยของมันหรือสวมใส่เกราะที่หนักที่สุดที่เจ้าหามาได้ เมื่อเจ้าออกล่าเสร็จสิ้นแล้วค่อยกลับมาหาข้า แล้วเราจะออกตะลุยด้วยกันในป่าวิเศษ — ออกล่าอีกา |
เจ้าได้สยบมอร์ริแกนผู้มืดดำแล้ว! ข้ามองเห็นได้จากที่วิสป์โลดแล่นรอบตัวเจ้า สัตว์ร้ายนั้นจะกลับมาใหม่เพราะมันเป็นเพียงภาพเงา เป็นเงาที่ทอดผ่านแก่นแท้ชิ้นหนึ่งของดรีออกต์ที่ติดโรคต้องสาป ทว่าการต่อสู้นั้นก็หาได้ไร้ความหมายไม่ — ออกล่าอีกา เสร็จสิ้น |
ถึงเวลาแล้ว เจ้าพร้อมสำหรับการดิ้นรนครั้งสุดท้ายเสียที เจ้าจะไปถึงยอดได้ก็ต่อเมื่อเจ้าออกล่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดในป่าวิเศษ ซึ่งผู้นั้นก็คือ{ข้า} แต่ข้าย่อมไม่อาจต่อสู้กับเจ้าได้อย่างดุดันเต็มเปี่ยม เพราะข้าเริ่มมองว่าเจ้าเป็นเพื่อนข้าเสียแล้ว การต่อสู้นั้นต้องเป็นของจริง ต้องเป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายอย่างแท้จริง และมีเพียงผู้เดียวที่มอบการท้าทายสุดท้ายให้กับเจ้าได้ นั่นก็คือราชันในม่านหมอก จงกลับมาหาข้าเมื่อเจ้าสยบเขาได้สำเร็จ ข้าจะสอนบทเรียนสุดท้ายให้กับเจ้า — สงครามแห่งป่าวิเศษ |
ป่าวิเศษก้องสะท้อนไปด้วยการพ่ายแพ้ของราชันในม่านหมอกด้วยน้ำมือเจ้า! บทเรียนสุดท้ายนั้นเรียบง่ายนัก จงคิดบทเรียนของเจ้าเอง ข้าให้กับเจ้าได้เพียงความชัดเจน {เจ้า}เป็นยอดนักล่าแล้ว ไม่มีใครในดินแดนนี้ที่ต่อกรกับเจ้าได้อีกต่อไป มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะออกตะลุยเป็นอิสระตามธรรมชาติอย่างดุร้ายท่ามกลางม่านหมอก — สงครามแห่งป่าวิเศษ เสร็จสิ้น |
เราจะได้พบกันใหม่ เพื่อน แต่กาลของข้าผ่านพ้นไปแล้ว แล้วข้าก็จะลดถอยลง... ข้าไม่คิดว่าความตายร่ำรอข้าอยู่ที่ปลายทาง มีเพียงการจางหายไปอย่างช้าๆ เท่านั้น จนกระทั่งทุกคนทุกผู้ที่รู้จักข้าจะสงสัยว่าพวกเขาพบเจอข้าครั้งสุดท้ายมาตอนไหน พวกเขาจะเล่าเรื่องราวช่วงเวลาทั้งดีและร้ายราวกับจะไม่ได้พบเจอข้าอีก เพราะกาลเวลาจะทำให้พวกเขาคลายกังวลก่อนที่เส้นทางของเราจะกลับมาบรรจบกันใหม่ นี่หาใช่การจากลาชั่วนิรันดร์ไม่ แต่เป็นเพียง... การอำลาในครานี้เพียงเท่านั้น — สิ้นสุดการเดินทาง |
เราคือสิ่งที่เราทำในป่านี้ ข้าออกล่าเพื่อกิน ข้ากินเพื่อประทังชีวิต สิ่งมีชีวิตทุกอย่างก็เป็นเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ? แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือข้าเป็นยอดนักล่า ข้าเป็นผู้เดียวที่ไม่มีใครออกล่า กระทั่งราชันในม่านหมอกยังมีนักล่า อย่างผู้ตระบัดสัตย์หรือผู้คุ้มครองชายป่าที่ต่างมีอัตตาและความสำคัญตนผิดไปทั้งคู่ แต่ไม่ใช่ข้า ข้าเป็นเพียงศิลาสลักที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งสำคัญในรากฐานของธรรมชาติ เมื่อข้าจากไป ผู้อื่นก็จะเข้ามาแทน — บทบาท |
ดินแดนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ปรากฏ แต่เจ้าคงเดาได้แล้วละ ในที่แห่งนี้ สิ่งที่เป็นจริงและความหมายของมันอาจพร่ามัวเสียจนเป็นหนึ่งเดียว นี่เป็นเหตุที่ชื่อนั้นมีอำนาจ ไม่ได้เป็นเพราะคำหรอก แต่เป็นเพราะแนวคิดที่บังเกิดจากคำเหล่านั้น การตั้งนิยามให้กับสิ่งหนึ่งเป็นการมอบอิทธิพลให้กับสิ่งนั้น... แต่ข้าคิดว่าเจ้าก็มีอันตรายอยู่คล้ายกันในโลกของเจ้า เพราะในบรรดากลิ่นอายหลายต่อหลายอย่าง เจ้ามีกลิ่นหนึ่งอันเจือจางที่ทำให้ข้านึกถึงดรีออกต์ — ป่าวิเศษ |
เจ้าอาจเรียกท่านว่าเทพี แต่ข้าเรียกพวกท่านว่าสามพี่่น้องสตรี บางคนอาจเรียกว่าเจตจำนงของหมู่ธรรมชาติก็เป็นได้ พวกเราอาจคิดถูกกันหมดก็ไม่แปลก พวกท่านอยู่ในป่าวิเศษนี้ หรือพวกท่านอาจ{เป็น}ป่าวิเศษเสียเอง ดรีออกต์ได้เสียสละตัวเองไปกับการสร้างดินแดนนี้อย่างทั่วถึงและลึกซึ้งจนเหลือเพียงเล็กน้อย เหลือเพียงเศษเสี้ยวในต้นไม้ทุกต้น หินทุกก้อน สัตว์ทุกตัว อาจมอบเสียงให้กับผู้ถูกเลือกไม่กี่คนก็เป็นได้... จากที่ข้าเคยได้ยินมาจากพวกนักเดินทางในแผ่นดินนี้น่ะนะ — ดรีออกต์ |
มีหลายต่อหลายคนที่เดินเส้นทางนี้ในช่วงฤดูแรกเริ่ม ม่านหมอกนี้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีในตอนนั้น นำพาไออุ่นและแสงสว่างที่ขาดหายไปในดินแดนของเจ้าและดินแดนของเรา แต่กาลนั้นมันผ่านมาเนิ่นนาน หลายต่อหลายฤดูกาลที่ข้าไม่อาจนับ พวกเขาเป็นนักเดินทางเพราะที่นี่ไม่ใช่ปลายทางของพวกเขา เป็นเพียงเส้นทางหนึ่งที่นำไปยังแห่งหนอื่น เฉกเช่นความฝันที่อยู่ระหว่างการนอนและการตื่น — นักเดินทาง |
ดินแดนเจ้ามีไฟลูกมหึมาอยู่บนหัวรึ? มีคนเคยบอกเล่าเรื่องนี้มาก่อน แต่นักเดินทางในฤดูแรกเริ่มเคยพูดว่าไฟนั้นเร้นกายเบื้องหลัง... ม่านขี้เถ้าและหมอกที่บดบัง 'ท้องฟ้า'... นี่เป็นเรื่องเหลวไหลที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้งในนิทานของเจ้า พวกเขาเคยว่าไว้ว่าที่นี่เป็นที่หลบภัยในยามหนาวและการดิ้นรนอันขมขื่น พวกเขากินผลไม้ ล้างเนื้อล้างตัวในแม่น้ำ ยินดีที่ได้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาได้อยู่อาศัย — ดวงตะวัน |
ข้านึกภาพไม่ออกเลยสักนิด! กลุ่มชนเจ้าอ้างว่า 'ท้องฟ้า' เป็นโดมสีฟ้ายักษ์ใหญ่ แต่บางครั้งกลุ่มชนเจ้าก็อ้างว่ามันมีสีดำ และบางทีก็เป็นสีสันมากมายที่เกิดจาก 'ตะวัน' เนี่ยนะ? แล้วยังมีลูกสีเงินอยู่บนนั้นที่อยู่ตรงข้ามกับลูกไฟด้วย ดวงตะวันและดวงจันทร์... อยู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าพวกเขาชิงชังกันขึ้นมา... อยู่ตรงข้ามกันนัก ทว่ามีความสูง มีแสง และมีความนิยมทัดเทียมกัน... มันทำให้ข้าหมองหม่นจนน้ำตาไหล แม้ข้าจะไม่รู้สาเหตุก็ตาม ความใกล้ชิดนั้นควรนำพาความรักและความร่วมมือกัน ไม่ใช่ความเกลียดชังและความริษยา...
เอาละ ข้ากลับเพ้อฝันขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราว ข้าขอโทษที่เอาแต่ฝันเฟื่องขึ้นมานะ การจินตนาการอะไรแบบนี้เป็นเรื่องอันตรายในป่าวิเศษ — ท้องฟ้า |
มันผ่านมานานนมแล้วละ ความทรงจำเลือนรางเฉกเช่นม่านหมอกที่ข้าจำได้ ข้าตะลุยไปตามป่านี้มาโดยตลอด ก่อนที่จะมีเส้นทางใดๆ ก็ตาม ข้าอาจเป็นผู้ที่สร้างเส้นทางเหล่านี้ขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ จากการเดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวัฏจักรฤดูกาลที่ไร้กาลเวลา ตอนนั้นป่ายังเด็กนัก ข้าเองก็เช่นกัน ตอนนั้นก็มีมาไจอยู่มากมายกว่านี้ หากเจ้าเคยได้พบเจอมาก่อนน่ะ ในแง่หนึ่งดินแดนนี้ก็ถูกดรีออกต์สร้างสรรค์อย่างประณีตให้กับพวกเขา ความเลื่อมไสนั่นอาจนำพาราชันในม่านหมอกมาที่นี่ก็เป็นได้... ศรัทธาเป็นพลังเดียวในบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างที่ทำให้สิ่งที่ไม่มีจริงนั้นเป็นจริงขึ้นมา — ต้นกำเนิดของป่าวิเศษ |
ข้าไม่มีปัญหาอะไรกับเขา เขาอยู่ห่างจากข้าเป็นอย่างมาก และข้าไม่ออกล่าเขา เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่จะเข้าไปขัดขวาง เขากับมาไจได้ต่อสู้เพื่อช่วงชิงดินแดนนี้มาหลายต่อหลายฤดูกาล ข้าว่าต่างฝ่ายต่างไม่เข้าอกเข้าใจความเจ็บปวดของอีกฝ่ายดอก เหล่ามาไจต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของพวกเขา แต่ราชันในม่านหมอกมาจากสถานที่ที่เลวร้ายกว่าที่แห่งนี้มาก เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่ามาไจไม่อาจเข้าใจได้... การกระทำของเขาดูเป็นปรปักษ์และชั่วร้าย แต่มันเป็นเพียงวิถีชีวิตจากถิ่นที่เขาจากมาเท่านั้น เจ้าจะเกลียดหนูที่กัดกินเมล็ดพันธุ์ที่ตกไหม? อาจเกลียดก็เป็นได้หากเจ้าเป็นพุ่มไม้ที่มองว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นลูกหลานเจ้า — ราชันในม่านหมอก |
ราชันในม่านหมอกหาได้นำความมืดมิดมาสู่ป่าวิเศษไม่ ป่าไม้ยังคงเจริญเติบโต แสงสว่างนั้นยังอยู่ เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น มันเป็นสิ่งอื่นโดยสิ้นเชิง สิ่งอื่นที่แปลกใหม่ มันคือ... {ความไร้แสง} เขามุ่งที่จะเปลี่ยนธรรมชาติของสถานที่นี้เพื่อให้มีพรรคพวกอย่างเขาได้หนีพ้นจากสถานะความว่างเปล่าเสมือนฝัน ข้าเคยออกล่าไปจนถึงเขตแดนระหว่างที่นี่กับที่นั่น โลกของเขาอยู่ทิศทางตรงกันข้ามกับเจ้า โดยมีป่าวิเศษอยู่ระหว่างสองโลกนั้น...
ดินแดนที่เขาจากมานั้นเป็นดินแดนแห่งภาพเงา อยู่หลังเวทีลับแลของละครแห่งชีวิต โดยไม่มีการคิดถึงเงาที่ทอดผ่านแม้แต่น้อย มันเป็นดินแดนของเหล่าผู้ไร้ชื่อ สิ่งที่ไม่ได้ไร้เพียงชื่อ แต่ยังไม่อาจเป็นอีกด้วย โลกของพวกเขาคือมุมมองของความทรมานและความระทมไร้ที่สิ้น พวกเขาไม่อาจมีลูกหลานได้ในความไร้แสงสีม่วงของดินแดนนั้น ทายาทของพวกเขาจึงต้องติดอยู่ในชะตาการไร้ตัวตนไร้ชื่อต่อไป พวกเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นไร้ที่สิ้น เต็มไปด้วยสรรพสิ่งที่ไม่อาจเป็น และความเงียบงันที่คำรามอย่างงันเงียบกลับแผดเสียงดังขึ้นไปทุกที ในยามที่พวกเขาต่างโห่ร้องด้วยความกลัวและครวญครางหาการปลดปล่อย ข้าสงสารพวกเขานัก แต่ไม่มีใครทำอะไรได้เลย หากข้าตั้งชื่อให้พวกเขาได้ ข้าคงทำแน่... แต่ข้าจะตั้งชื่อให้สิ่งที่ไม่อาจนึกถึงได้อย่างไรเล่า? — โรคต้องสาป |
ผู้ไร้ชื่อเคยถูกนำมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่นักเดินทางผู้หนึ่งเผลอตั้งชื่อให้กับราชินีผิวกระเบื้อง ทำให้เธอกลายเป็นจริงขึ้นมา อาณาจักรของเธอในโลกของเจ้านั้นล่มสลายไปแล้ว ข้าหาได้รู้เหตุการณ์หรือสาเหตุไม่ แต่ลูกหลานเงาของเธอหลบหนีกลับมายังป่าวิเศษ แล้วเพิ่มจำนวนในช่วงฤดูที่พ้นผ่าน พวกเขาร่ำไห้ไปชั่วนิรันดร์ โศกสลดไร้ที่สิ้น เป็นความทุกข์ระทมที่พวกเขาแบกรับมาจากการมีอยู่ของพวกเขาก่อนหน้านี้ ที่เด่นชัดขึ้นมาจากการสูญเสียแม่ของพวกเขา ข้ามอบความเมตตาให้พวกเขาเท่าที่จะได้ เฉกเช่นที่ข้ามอบความเมตตาแก่สัตว์ที่บาดเจ็บ — ผู้ไร้ชื่อ |
ราชันในม่านหมอกไม่ใช่ผู้แรกที่หลบหนีจากดินแดนแห่งความไร้ชื่ออันว่างเปล่า เมื่อหลายต่อหลายฤดูก่อน มีชายหนุ่มขี้สงสัยเดินเข้ามายังป่าวิเศษระหว่างที่เดินทางไปที่อื่น เขาหยุดรออยู่ที่น้ำตกแล้วฝันเฟื่องขึ้นมา ตั้งชื่อให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เขาคิดว่ามีตัวตนลอบเร้นอยู่ในหมู่ไม้ เขากลับจินตนาการถึงแม่ที่ทรงพลังจากดินแดนเงา แล้วดันตั้งชื่อให้เธอไปด้วยความเขลา ชื่อนั้นหาได้เป็น 'ราชินีผิวกระเบื้อง' ไม่ นั่นเป็นเพียงฉายาเท่านั้น เป็นคำที่ปลอดภัยที่จะพูดถึงเธออย่างอ้อมๆ
นักเดินทางคนนั้นเดินทางต่อไป แต่{เธอ}ปรากฏกายพร้อมกับลูกหลานของเธอเข้ามานับไม่ถ้วน ชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่คนสำคัญและเขาย่อมตายไปนานแล้วแน่ๆ แต่จินตนาการไร้สาระของเขาและการตั้งชื่อส่งเดชเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมและความเจ็บปวดมากมายที่ยังดำรงมาจวบจนปัจจุบัน เวลาที่ผู้อาศัยในป่าวิเศษบอกเจ้าว่าอย่าได้ใช้ชื่อแท้ พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น — ราชินีผิวกระเบื้อง |
ที่นี่ควรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันแสนสงบและรุ่งโรจน์สำหรับเหล่ามาไจ และจากนั้นก็เป็นที่แบบเดียวกันให้กับกลุ่มชนของพวกเขาในโลกของเจ้า ป่าวิเศษนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นของขวัญตั้งแต่แรก ความเศร้าหมองแอบคืบคลานเข้ามาในใจข้าเมื่อข้านึกถึงจุดมุ่งหมายที่ไม่อาจเป็นของสถานที่นี้ ดรีออกต์อาจเสียสละตนมากจนเกินไป... หรือว่าธรรมชาติอาจมีวิธีเติบโตและเปลี่ยนแปลงเกินการควบคุมของผู้ใด มันเป็นไปได้ว่าเหล่ามาไจกำลังรวมจำนวนและกำลังเพื่อมายึดป่านี้คืน แต่หากพวกเขาทำไม่ได้ วัฏจักรความเป็นความตายก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีหน้าที่เข้าไปแทรกแซง — มาไจ |
{เจ้า}รู้จักไอนาร์ด้วยรึ เขาเป็นคนแรกที่ข้าเคยพบเจอมาก่อน ความทรงจำแรกเริ่มของข้าคือการตะลุยออกล่าไปตามป่าร่วมกับเขา แต่ข้าจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน หรือเราเดินทางมาจากแห่งใด มันเหมือนกับการตื่นขึ้นมาจากฝันแล้วกลับเข้าไปในฝันพร้อมกัน... แล้วรู้อะไรไหม? เขากลับรู้จักชื่อข้าขึ้นมา ชื่อจริงของข้าที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน เขาบอกว่าเขารักข้า และข้ารู้ว่าเขาตั้งใจอย่างแท้จริง ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นความทรงจำแรกที่มีค่านัก — ไอนาร์ |
เธอทำในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้อง นั่นเป็นเส้นทางเดียวสำหรับปัจเจกชนที่มีเจตจำนงเสรี นั่นคือหัวใจของป่าวิเศษที่เด่นชัด เจตจำนงเสรีนั่นแล หากข้าเข้าไปช่วย มันจะเป็นการแทรกแซง ข้าหวังว่าเธอจะครองชัยจริงๆ แต่... เธอต้องชิงชัยชนะมาด้วยตนเอง — ผู้คุ้มครองชายป่า |
เขาทำในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดใดๆ พึงกระทำ ข้าไม่เห็นควรกับการที่เขาใช้สิ่งที่ตาย เพราะเหยื่อควรถูกกิน ไม่ใช่ถูกทำให้เป็นทาส แต่... กระทั่งกฎของธรรมชาติยังมีเงาของมัน ข้าไม่อาจเดียดฉันท์ความมืดได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะเดียดฉันท์แสงสว่างเช่นกัน — ผู้ตระบัดสัตย์ |
ข้าสงสัยมาตลอดว่าสิ่งนั้นไปอยู่ในไหนในกฎของธรรมชาติ ข้าเชื่อว่าเธอเป็นตัวแทนของความเจ็บปวดของผู้ไร้ชื่อ สรรพสิ่งเหนือคณานับที่กรีดร้องอย่างเงียบงันในดินแดนเงาแห่งการไร้ตัวตนไปตลอดกาล ใครสักคนคงจะตั้งชื่อให้กับเธอมานานนัก แต่เราไม่มีวันรู้ชื่อของเธอ... และตราบใดที่เรายังไม่รู้ เธอก็ไม่อาจถูกขับไล่ไปโดยแท้ — ความระทมเดินดิน |
ข้าเคยเห็นรูปปั้นสองพี่น้องสาวโบราณที่ต่อสู้กัน ข้าไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร แต่การอยู่ใกล้กับพวกเธอทำให้ข้ารู้สึกว่า... น่าขนลุก... — รูปปั้นสองพี่น้องรบพุ่ง |
ดรีออกต์เคยมอบไม้ชนิดพิเศษแก่กลุ่มชนในโลกเจ้า ไม้ที่เติบโตในเขตแดนอันมืดมนระหว่างดินแดนนี้กับดินแดนถัดไป... เป็นไม้หัวใจไร้ชื่อ ซึ่งเป็นชนิดแม้แต่เทพเจ้าเล่ห์ยังไม่มีอิทธิพลเสียด้วยซ้ำ... — เทพเรเวนเจ้าเล่ห์ |
ดรีออกต์มีอยู่หลายต่อหลายชื่อ เฉกเช่นจิตวิญญาณและสรรพสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของมัน มันก็เหมือนกับธรรมชาตินั่นแล มันยากที่จะแยกส่วนต่างๆ ออกจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง — เทพี |
อีกเรื่องนึงนะ เพื่อนข้า... ข้าชื่อฟลาเวีย ยินดีที่ได้พบกับเจ้าจริงๆ เสียที — ทักทายอย่างเป็นทางการ |
— Flavia_Greeting_01_01.ogg |
— Flavia_Greeting_01_02.ogg |
— Flavia_Greeting_01_03.ogg |
— Flavia_Greeting_01_04.ogg |
— Flavia_Greeting_01_05.ogg |
— Flavia_Greeting_01_06.ogg |
— Flavia_Greeting_02_01.ogg |
— Flavia_Greeting_02_02.ogg |
— Flavia_Greeting_02_03.ogg |
— Flavia_Greeting_02_04.ogg |
— Flavia_Greeting_02_06.ogg |
— Flavia_Greeting_03_01.ogg |
— Flavia_Greeting_03_02.ogg |
— Flavia_Greeting_03_03.ogg |
— Flavia_Greeting_03_04.ogg |
— Flavia_Greeting_03_05.ogg |
— Flavia_Greeting_03_06.ogg |
— Flavia_Greeting_04_01.ogg |
— Flavia_Greeting_04_02.ogg |
— Flavia_Greeting_04_03.ogg |
— Flavia_Greeting_04_04.ogg |
— Flavia_Greeting_04_05.ogg |
— Flavia_Farewell_01_01.ogg |
— Flavia_Farewell_01_02.ogg |
— Flavia_Farewell_01_03.ogg |
— Flavia_Farewell_01_04.ogg |
— Flavia_Farewell_01_05.ogg |
— Flavia_Farewell_02_01.ogg |
— Flavia_Farewell_02_02.ogg |
— Flavia_Farewell_02_03.ogg |
— Flavia_Farewell_02_04.ogg |
— Flavia_Farewell_02_05.ogg |
— Flavia_Farewell_03_01.ogg |
— Flavia_Farewell_03_02.ogg |
— Flavia_Farewell_03_04.ogg |
— Flavia_Farewell_03_05.ogg |
— Flavia_Farewell_04_01.ogg |
— Flavia_Farewell_04_02.ogg |
— Flavia_Farewell_04_03.ogg |
— Flavia_Farewell_04_04.ogg |
— Flavia_Farewell_04_05.ogg |
— Flavia_Farewell_04_06.ogg |