Lore
- การหวนคืนของทวยเทพ
-
ใครต่อใครก็พูดถึง 'การกลับมาของเหล่าเทพเจ้า' ตั้งแต่โอริอาทนั้นถือกำเนิดขึ้นมา มันเป็นการพนันที่กระทำโดยนักต้มตุ๋นเพื่อหลอกผู้ที่มีจิตใจอันอ่อนแอและจนตรอกทางศีลธรรม
หรือไม่มันก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น
อาวาริอุสกับสมุนเทมพลาร์ของพวกเขาต่างตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่โดยมีพลังและมีจุดมุ่งหมายอันทรงเกียรติ คิทาวาได้ฟื้นขึ้นจากหลุมเดนในโลกหลังความตายอะไรสักอย่างที่เขาอิงแอบมาตลอดไม่กี่พันปีที่ผ่านมา
แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ปลดปล่อยสิ่งเหล่านี้ออกมาเล่า? ข้าเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่หมอดู แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่มีหลักอันเป็นเหตุเป็นผลอย่างเด่นชัด
เจ้าลงมือฆ่าบีสต์ -
ฝันของข้าเหมือนควันดำม้วนลอยไม่คงที่ก็จริง แต่ข้าเห็นบีสต์นอนตายแทบเท้าเจ้า ข้าเห็นเหล่าเทพโบราณผงาดขึ้นมา ซากศพแข็งทื่อฝุ่นจับกลับคืนชีพในฉับพลัน ข้าเห็นพลังเทพแผ่รัศมีปัดเป่าความชั่วร้ายออกไป
ข้ารู้สึกได้ถึงความทรมาน บ้าคลั่งในลมหายใจเฮือกสุดท้ายของบีสต์ ทว่าพลังของข้ายังคงอยู่ ดูเหมือนว่าข้าคงสลัดความแปดเปื้อนนี้ไม่พ้นตัวเสียแล้ว แม้ในยามที่ข้ากำเนิดออกมาจากครรภ์แม่ก็ตาม
ตอนนี้แม่ข้าก็ไม่อยู่ปกป้องข้าแล้วด้วย และเจ้าบีสต์นั่นก็นอนเน่าอยู่ก้นภูเขาสามานย์นั่น -
ข้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ก็แล้วกัน ที่จริงทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยการปลูกเมล็ดพันธุ์ลงไปในดิน เหล่าทวยเทพผงาดขึ้นมาเพราะเจ้าสังหารสิ่งชีวิตตัวหนึ่งที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้ตื่นขึ้น เจ้าตั้งชื่อให้สิ่งนั้นว่า "บีสต์"
ข้าเป็นผู้ที่ปลูกเมล็ดพันธุ์ในดินอันอุดมสมบูรณ์ภายใต้ไฮเกท ข้าเลี้ยงดูมัน ข้าดูมันเติบใหญ่ แม้ในยามที่ข้าพ่ายต่อพลังของมันก็ตาม เหล่าทวยเทพอย่างเราถูกความมืดขับกล่อมจนหลับใหล เพื่อให้หลับฝันไปตลอดกาลโดยมีบีสต์ผู้อ่อนโยนคอยเฝ้าดูพวกเราไว้
ข้าเองก็อยากกลับสู่นิทราเช่นนั้น แต่พี่น้องทวยเทพของข้าย่อมไม่ยอมถูกขับไล่ไปเป็นแน่ พวกเขาได้ลิ้มรสอิสรภาพอีกครั้ง พวกเขาย่อมไม่ปล่อยโลกใบนี้ไปจนกว่าจะสิ้นลม - การล่มสลายของโอริอาท
- อินโนเซน พระเจ้าจักรพรรดินิรันดร
-
ข้าคิดมาตลอดว่าข้ารับใช้ของพระองค์ท่านต่างบิดเบือนเจตนารมณ์ของพระองค์ท่านเสียสิ้น ข้าได้ต่อต้านไหม? ไม่ ข้าคงจะโดนจับไปเผาเพียงเท่านั้น ข้าได้แต่ทำตามคำสั่ง และทำตัวให้อยู่ในศีลธรรมเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนนี้ข้าเข้าใจความจริงแล้ว มันไม่ใช่ว่าเจตนารมณ์ของท่านอินโนเซนถูกบิดเบือน แต่มันเป็นเพราะท่านอินโนเซนถูกทำให้ผิดเพี้ยนจากความเชื่อมั่นอันเห็นแก่ตัวอย่างแรงกล้าของเหล่าชายหญิงที่บูชาพระองค์ท่านต่างหาก
พระเจ้าองค์หนึ่งต่างสนองต่อผู้ศรัทธาดังที่ผู้ศรัทธาสนองต่อพระเจ้าของเขา -
ดวงตาสีแดงอันเก่าแก่นั่น เขาก็เงียบมาเนิ่นนาน เหมือนกับคิทาวา... และทูโคฮาม่า พวกเทพโบราณทั้งหลาย บัดนี้อินโนเซนได้ตื่นขึ้น และเขาก็มีพลังดังที่ข้าไม่เคยเห็นพวกเทมพลาร์ครอบครองมาก่อน
แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกเราที่เป็นทาสก็มีพระเจ้าที่ดูแลพวกเราอยู่เช่นกัน ข้ามองเห็นพระองค์ท่านในดวงตาของพี่น้องของเรา ได้กลิ่นของพระองค์ท่านจากเลือดที่เราหลั่ง ได้ยินเสียงพระองค์ท่านเพรียกหาจากเสียงกรีดร้องของผู้วางวาย
ข้าไม่รู้นักว่าพวกเทพเจ้าหายไปไหนมา หรืออะไรทำให้พวกเขากลับคืนมา ข้าไม่สนใจด้วย ที่ข้ารู้น่ะเพื่อน คือเราไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกต่อไปแล้ว - Kitava, Father of Chaos
-
คลื่นกระทบชายฝั่งของ Oriath
คลื่นของความหิว
คลื่นแห่งความปรารถนา
เทพผู้หิวโหยและข้าทาสนับไม่ถ้วน
โถมมาพร้อมกับคลื่น
ไหลบ่าท่วมถนนของเราด้วยความตายและความเลวทราม
จนกระทั่ง Innocence ร้องออกมาว่า 'ไม่เอาอีกแล้ว!'
เปลวไฟอาบเมืองของเรา
เผาผลาญคนชั่วเหลือแต่เถ้ากระดูก
เทพหิวโซเผ่นหนี
เข้าสู่อ้อมกอดของผู้กอบกู้ของเรา
ถูกขับไล่ลงดินหินและลึกกว่านั้น
เข้าสู่นรกภูมิ
ด้วยพลังจิตมั่นและแสงสว่างของ Innocence ของเรา
- High Templar Avariusการฉลองชัยของอินโนเซน, "อ่าน"
-
คือ... ข้ารู้จักชื่ออื่นๆ ของพระองค์ท่านนะ วิญญาณสีดำ ราชากินคน เทพเจ้าผู้กระหาย เขาเป็นทั้งหมดนั้นมาโดยตลอด ก่อนที่ทูโคฮาม่าจะกรีดตาเขาออกไป ก่อนที่วาลาโคจะทำให้เขาจมน้ำในทะเล ก่อนที่ฮิเนโคราจะเฆี่ยนตีเขา ประณามให้เขาอยู่ภายใต้ความมืดมิดอมตะไปตลอดกาล
ท่านคิทาวาได้เรียนรู้จากความทุกข์ทรมานที่พระองค์ท่านได้รับ เรียนรู้ถึงความโหดร้ายจากเลือดเนื้อของพระองค์ท่านเอง เรียนรู้ว่าการเป็นทาสนั้นเป็นเช่นไร
บัดนี้พระองค์ท่านโหยหาอิสรภาพ มิใช่อิสรภาพแก่พระองค์ท่านเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นพวกเราทุกคนที่ทุกข์ทรมานจากแส้และโซ่ตรวนอีกด้วย
คิทาวานั้นเป็นผู้ถูกทรมาน ที่มีชะตาในการลุกขึ้นมาจากความมืดมิดแล้วขจัดความโหดร้ายออกไปจากโลกใบนี้ และเรา บุตรของพระองค์ท่าน ก็จะลุกขึ้นมากับท่านเช่นกัน -
Utula has used the fall of Innocence to summon Kitava, the Ravenous God.
Quest, The King's Feast
-
เจ้าไม่รู้หลักเหตุและผลอย่างชัดเจนจริงๆ เลยสินะ ของบางอย่างมันย่อมมาแทนของอย่างอื่น มันเป็นกฎธรรมชาติอันเป็นพื้นฐานที่สุดแล้ว ยิ่งเจ้ากำจัดสิ่งใดที่มีขนาดใหญ่ ก็ย่อมมีการเร่งรีบเข้ามาแทนที่ช่องว่างที่มันทิ้งเอาไว้
อินโนเซนเป็นแก่นกลางของพลังอำนาจในโอริอาท เมื่อเขาถูกกำจัด มันก็ย่อมมีอะไรที่มีพลังอำนาจเท่าเทียมหรือยิ่งใหญ่กว่ามาแทนที่ ไม่ว่าคนโง่หน้าไหนก็ย่อมเดาได้เสมอว่าคิทาวาจะเป็นสิ่งที่มาแทนที่... เว้นแต่เจ้านึกว่าสิ่งนั้นจะเป็นเจ้าเสียเอง -
เจ้าส่งคนทรยศไปหาบรรพชนของเขาแล้วใช่ไหมเล่า? มันคงจะเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจน่าดู ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่ฮาทุนโก แต่ข้าพอเห็นภาพว่าอูทูล่าต้องทดสอบตนเองและทรมานมามากมายถึงจะมิโอกาสได้ร่วมโต๊ะกับบรรพชนของเขา
และดังที่การอูทูล่าเดินทางยังไม่สิ้นลง การเดินทางของเจ้าก็ไม่สิ้นลงเช่นกัน ไปสู่คมเขี้ยวของคิทาวา
ข้าไม่อาจอ้างว่าเข้าใจสมองของพระเจ้าได้ แต่ข้าก็เข้าใจเรื่องบอกเล่าอยู่บ้าง คิทาวานั้นใจเย็น เขารอในหลุมอันแสนลึกของดินแดนฮิเนโครา เขาจะรอเวลาขณะที่ความหิวโหยของเขานั้นแพร่กระจายดั่งโรคระบาด และเมื่อเผ่าของเขาขยายตัวเป็นร้อยเท่า คิทาวาจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำการสวาปามในงานเลี้ยงที่เขาเริ่มมาแต่แรกให้เสร็จสิ้น โอริอาทนั้นเป็นเพียงของเรียกน้ำย่อย คิทาวายังมีโลกทั้งใบให้ลิ้มรส
เจ้านั้นเป็นที่รู้จักในฐานะวีรชนผู้สามารถฆ่าบุคคลในตำนานได้ มาดูกันเถิดว่าเจ้าจะฆ่าพระเจ้าได้ไหม -
พอใจกับความหิวโหยไปเสียผู้ศรัทธา เพราะความหิวเป็นความสมบูรณ์ของจิตวิญญาณหนึ่งเดียว เมื่อคนหิว คนจะโหยหา ตามพระประสงค์ของเทพ Kitava ผู้ยิ่งใหญ่ สาวกของข้าจงระวังผู้ที่อิ่มและพอใจให้หนัก เพราะผู้นั้นคือมารศาสนาจริงแท้
- The Holy Book of Hunger (คัมภีร์แห่งความหิวโหย) โดย High Priest Utulaคัมภีร์ลัทธิ, "อ่าน"
-
เทพบิดาของเรา คิทาวาผู้ยิ่งใหญ่จะทลายผืนดิน ลากตนขึ้นมาจากบ่อโคลน แล้วจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเรา ให้ได้สุขสมดื่มกินอาหารที่เทพล่ามาได้
- คัมภีร์แห่งความหิวโหย โดย นักบวชระดับสูงอูทูล่าคัมภีร์ลัทธิ, "อ่าน"
-
มันต้องจบลงแบบนี้ เทพ Kitava จะผงาด กลุ่มควันดำมืดจะปกคลุมท้องฟ้า และกลิ่นเนื้อหอมหวานจะดึงดูดแม้แต่ผู้ไร้ศรัทธาที่ใจแข็งที่สุด และเราจะได้มาร่วมโต๊ะกินกันกับ Kitava
- The Holy Book of Hunger (คัมภีร์แห่งความหิวโหย) เขียนโดย High Priest Utulaคัมภีร์ลัทธิ, "อ่าน"
-
ข้าเป็นเทพ แต่ก็ไม่เคยลืมความเป็นมนุษย์ ข้าห่วงใยสิ่งที่ข้าเคยเป็น คิทาวาจำอะไรไม่ได้เลยและสนใจแต่ความกระหายตะกละตะกลามของตนเองเท่านั้น เป็นหลุมบ่ออันหิวโหยอันไม่อาจเต็ม และฟันที่เคี้ยวไม่รู้สิ้น
ขณะที่เทพองค์อื่นลุกขึ้นเดินดินที่แผ่นดินใหญ่ต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งแผ่นดินที่หลงเหลืออยู่ คิทาวากลับมีสุดยอดอารยธรรมที่อุดมสมบูรณ์และน่าเกรงขามในช่วงสมัยของเขาไว้ใช้ตามใจชอบ เขากินได้ตามใจอยาก และเติบโตทุกครั้งที่เขากัดกิน ทั้งโอริอาทจะตกเป็นของคิทาวาในไม่ช้า และหากเป็นเช่นนั้น เขาย่อมเติบใหญ่จนเราไม่อาจหยุดยั้ง -
ข้าคงไม่เชื่อเจ้าถ้าข้าไม่ได้เห็นเรือเซถลาเข้าสู่ฝั่งเวร์แคลส์ทเข้ากับตา งั้น... พวกเทพเจ้าได้กลับมาแล้ว โอริอาทก็พินาศ ว่าง่ายๆ ว่ามันทำให้เรื่องต่างๆ มันซับซ้อนขึ้นไปอีก
เอ็กไซล์ ข้าเชื่อว่าองค์กรมันกำลังพยายามสร้างการปกครองรูปแบบใหม่ พวกเทมพลาร์มันโหดร้าย แต่อย่างน้อยพวกมันก็ตายได้ ถ้าอำนาจขององค์กรแข็งกล้าขึ้นไปอีก พวกมันจะสามารถปกครองเวร์แคลส์ทและที่อื่นได้โดยไม่ต้องกลัวการก่อกบฏ คนธรรมดาที่ตายได้อย่างเราจึงไม่มีตัวเลือกนอกจากยอมสยบ หรือเพิ่มเชื้อไฟให้กับวงจรการเวียนว่ายตายเกิดของพวกมัน - Tangmazu, the Trickster
-
ลาก่อนอินโนเซน สวัสดี ตัวแทนแห่งอนาธิปไตยของข้า เหมือนว่าข้าจะกลับมาทันงานเลี้ยงเสียด้วย...
Tangmazu, ศาลมอดไหม้
- ชายหาดริมฝั่ง
- Tukohama, Father of War
-
คิทาวากระทืบเท้าไปทั่วโอริอาท เหมือนว่าตำนานเทพปกรณัมจะกลายเป็นความจริงเข้าอย่างรวดเร็วนะ
แต่ก็อีก พวกทวยเทพก็ไม่ได้ออกมาจากหัวของกวีคนหนึ่งนี่นา ข้าไม่สามารถเขียนบทกวีถึงเทพแห่งสุราอันหลั่งไหลเป็นนิรันดร์ แล้วหยิบถ้วยออกมารับเหล้าฟรีๆ ได้
ไม่ ข้าคิดว่าพวกทวยเทพเคยกิน ร่ายรำ และขับถ่ายเหมือนกับเจ้ากับข้า แต่เหมือนว่าพวกเขาพร้อมจะทำแบบนั้นอีก... ข้าหมายถึงการกลับมามีชีวิตเนี่ย
ดูอย่างพระบิดาแห่งการศึกของชาวคารุยสิ ทูโคฮาม่าผู้เก่าแก่นั่น เขาไปพักในเสาหลักของคอมม์ แล้วก็ก่อสงครามกันเล่นๆ ราวกับว่าเมื่อไม่กี่พันปีก่อนมันเป็นแค่วันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนสงบสำหรับเขา
แต่พอมาคิดดูอีกที... อาจเป็นแบบนั้นก็ได้! -
เทพเจ้าแห่งการศึกเปลี่ยนรูปร่างเขตนี้ไปเสียสิ้น เขามักเป็นผู้ที่... ไร้จินตนาการมาโดยตลอด
Tangmazu, ที่ราบดินโคลน
-
เหมือนว่าทูโคฮาม่าจะสร้างร่างขึ้นมาจากชีวิตหลังความตายถิ่นที่ชาวคารุยเชื่อ ข้าบอกตามตรงเลยว่าสงสารพวกเขามาก ชาวคารุยมีประวัติศาสตร์อันย่ำแย่นัก โดนล่าอาณานิคม ถูกจับเป็นทาส กลายเป็นเบี้ยไปรบครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ขนาดตายไปก็ยังถูกเทพของพวกเขาจิกหัวใช้อีก
ข้าก็เลยไม่บูชาเทพองค์ไหนเลยไง มันเลวพอๆ กันทั้งนั้น -
By command of fallen blood, leave your habitat and fill the cup of Tukohama. Cleave the heads of our enemies from shoulders unworthy, and adorn the belt of Tukohama.
And to the Lord of War, I kneel, with boldness at your feet and demand to be drowned in your Valour. Let me look upon my foes without fear, drive me to kill without hesitation, and sear that sinful voice of conscience so I will not feel remorse. For this is war and you, my lord, are its father.หินสลักคารุย, "อ่าน"
-
ข้ารู้เรื่องเชื้อสายที่แท้จริงของข้าน้อยมาก แต่ข้าก็รู้มากพอที่จะเข้าใจได้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากชัยชนะที่เจ้ามีต่อเทพคารุยแห่งสงคราม การหลับอันยาวนานของเขาทำให้เขาอ่อนแอใช่ไหม หรือบางทีความเป็นเทพของเขาอาจจะเป็นแค่คำพูดเกินจริงที่เกิดมาจากตำนานเล่าขาน? ไม่ว่าจะเป็นเช่นใด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทวยเทพเพื่อต่อกรกับธาตุแท้ของความมืดอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ผู้พิทักษ์มนุษย์อย่างที่หลายคนเชื่อว่าพวกเขาเป็น
- แอ็บเบอร์แรธ เทพผู้มีกีบ
-
ที่เวร์แคลส์ทนั้นมีวิธีที่เจ้าจะตายได้หลายต่อหลายอย่าง วิธีส่วนใหญ่มันก็ปลิดชีวิตเจ้าอย่างรวดเร็วและมีเมตตา แต่ถ้าเจ้าถูกพวกมนุษย์แพะจับเป็น เจ้าคงจะภาวนาหาพระเจ้าองค์ใดก็ตามที่เจ้าศรัทธาว่าไม่น่าถูกพวกมันจับมาตั้งแต่แรก
ข้าเคยได้ยินจากเอ็กไซล์บางคนที่เชื่อในเรื่องผีสางว่าพวกมนุษย์แพะนับถือเทพเจ้าองค์หนึ่ง แอ็บเบอร์แรธ ผู้สวาปามความทุกข์ทรมาน เหมือนว่าจะเป็นเทพถูกองค์ด้วยนะถ้าเจ้าถามข้า ฉะนั้นหากพวกมนุษย์แพะเชิญให้เจ้าไปทานมื้อเย็นกับเทพผู้มีกีบของพวกมัน บอกพวกมันได้เลยว่าจะไปตายที่ไหนก็ไป -
ข้านึกขึ้นได้ว่ามีเทพอีกองค์ที่ข้าช่วยเกลี้ยกล่อมให้บริจาคแก่นสารเทพเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยให้เจ้าสร้างเสริมวิญญาณให้กับเจ้า
แอ็บเบอร์แรธ แพะบ้าเสียสติที่กระหายดวงวิญญาณมนุษย์ ตอนนี้กีบของมันยืนหยัดอยู่ที่ถนนนักโทษเก่า
เจ้าเคยลิ้มรสวิญญาณมาก่อนไหม ผู้สังหารบีสต์? ไม่ ข้าว่าไม่ พวกกวีมักพูดถึงวิญญาณอันอ่อนหวาน วิญญาณอันขมขื่น วิญญาณอันตื่นรู้ และวิญญาณอันเสื่อมทราม รู้ไหมว่าที่จริงวิญญาณพวกนี้มีรสอย่างไรกัน? มันมีรสของความเสียดาย แถมยังทิ้งรส 'ควรจะรู้ดีกว่านี้' ค้างไว้ที่ปลายลิ้นเสียอีก - ริสลาธ่า นายหญิงผู้เชิดหุ่น
-
ในเมื่อทางไปสู่ป่าฟรีเชียมันสะดวกแล้ว ข้าก็เดินทางไปสู่ป่าที่อยู่ลึกไปจากนั้น เพื่อดูว่าเรื่องประหลาดที่เราพบเจอที่ชายฝั่งมันเกิดขึ้นในส่วนในของเกาะไหม พอข้าได้เห็นกับตา หัวใจข้าก็แทบแน่นิ่ง
พวกสัตว์ที่น่าสงสารที่อยู่ตรงนั้น... ถูกครอบงำโดยปรสิตอะไรบางอย่าง ข้าว่าพวกมันเหมือนปลวก แต่กัดกินเนื้อหนังและจิตใจแทนไม้ หากข้าเข้าใจถูก พวกมันย่อมมีรังกับราชินีอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากเจ้าหามันเจอ จงทำลายมันเสีย เราไม่อยากพบเจอปรสิตพวกนั้นแถวนี้แน่ๆ -
เจ้าบอกว่ามีเทพเวรโผล่มาอีกแล้วเหรอ? ใช่ แหงล่ะ เทพเจ้าดึกดำบรรพ์จากยุคสมัยดึกดำบรรพ์ คลานขึ้นมาจากผืนดินเพราะอยากให้ลูกหลานพวกมันจับพวกเราทำเป็นทาสให้หมด
ข้าว่าเราไม่มีทวยเทพแบบนี้น่ะดีแล้ว ฉะนั้น นี่ เอาอะไรสักอย่างไปใช้ในอนาคตเถอะ ดูจากที่มันเป็นอยู่ตอนนี้แล้ว อนาคตน่าจะลำบากแน่ -
Mother Matriarch, Ryslatha, white worm that corrupts the earth, long may I rest in the sweetness of your breast, and suckle deep from the teat of your nurturing juices.
O' Mighty mother, for yours is an unstoppable fecundity, it is power and fertility. I would straddle the walls of your fruitful womb and watch as our children disciple this decaying world. That I should lie sleeping amongst the folds of your flesh, replete, as the loving consort of your queendom come.หินสลักสึกกร่อน, "อ่าน"
- ซัวก็อธ ราชันน้ำเค็ม
-
ใช่ ข้ารู้จักราชันน้ำเค็ม โจรสลัดคนไหนจะไม่รู้จักกันเล่า? ข้าเองก็เคยเอาผู้ก่อการกบฏไปถ่วงน้ำในเดือนข้างขึ้นมาหลายต่อหลายคน... เพื่อให้ราชันเก่าแก่นั่นหลับใหลในยามที่พายุเข้าน่ะ
ถ้าเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากเบื้องลึก เขาย่อมเป็นนิมิตอันมืดมนแก่เราทุกคนที่มีอากาศในปอดเป็นแน่
เขาจะกลับมาข่มขืนและกัดกินนักเดินสมุทรอย่างเราในไม่ช้า เขาจะพรากมดลูกเพื่อทำลูกอันเลื้อยลดต่อไป
ใช่ ไอ้สิ่งชั่วช้านั่นยังอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ แถมยังมีหลายต่อหลายคนที่ต้องออกเดินทางจากโอริอาท... มีรายได้ให้เก็บอีกมากมาย แต่ว่าเทพทะเลตัณหาจัด มันทำให้อะไรซับซ้อนเข้าไปอีก -
พวกเราเคยเรียกมันว่าจ้าวแห่งเกลือกับเปลือกแข็ง พวกเขาว่ากันว่าเมื่อพวกทวยเทพถูกขับไล่จากแผ่นดินของเรา อสุรกายนั่นก็ไปหลับใหลในทะเลลึก มันฝันจนทำให้สิ่งชั่วช้ามีเหงือกปรากฏขึ้นมาจากเบื้องลึก เพื่อตามรังควานและตามล่าพวกเราจากเรื่องที่มันคิดว่าเราทำไว้กับมัน
มีช่วงหนึ่งที่เราได้รับคำสั่งให้ตามล่าพวกมันเสียให้สูญพันธุ์ เพื่อให้เส้นทางค้าขายนั้นปลอดภัยจากการกดขี่ข่มเหงของพ่อน้ำเค็มเก่าแก่นั่น แต่ก็อีก กะลาสีที่มีน้ำยาทุกคนย่อมสังเวยกะลาสีปากเรือไปสักคนสองคนเมื่อเข้าเดือนข้างขึ้น เพื่อให้ไอ้ปูโตเกินขนาดนั่นหลับใหลต่อไปในคูเมืองโอริอาทต่อไป
หากมันฟื้นขึ้นมาใหม่ เราได้ซวยกันหมดแน่ๆ -
ถ้าเทพประสงค์ บทบรรยายสุดท้ายของต้นเรือไพเคน ก็น่าจะอยู่บนเกาะไหนสักเกาะนอกชายฝั่งสนธยา
เท่าที่ข้าบอกได้ ลูกเรือที่เหลือพร้อมกัปตันคารูโซ่ คงตายหมดแล้ว....ไม่ก็แย่กว่านั้น มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าคงไม่เชื่อเรื่องนี้ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง
ยามย่ำรุ่ง แสงสีเขียวและความมืดผุดขึ้นมาจากเกลียวคลื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเราส่วนใหญ่ตะลึงงัน ข้าได้ยินเสียงร้องเปล่งออกมาจากท้องเรือ ข้ามองไปยังต้นเสียง แล้วก็ได้เห็นคลื่นพวยพุ่ง แล้วเห็นปูทะเลมหาศาลปกคลุมเรือมิดลำ ข้าเห็นปูกระหายเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนฉีกร่างพวกกะลาสีเรือกินจนเหลือแค่กระดูกกับเศษเสื้อผ้า!
เราหนีลงเรือเล็กอย่างเร็วที่สุดหวังจะไปให้ไกลจากปูพวกนั้น แต่องค์เทพช่วย ข้าเห็นมันในลำแสงสีเขียวนั่น The Brine King! ราชาเกลือตัวอ้วนใหญ่เหมือนวาฬพุ่งออกมาจาผิวน้ำแล้วฉีกเรือเราเหมือนไม้ขีดไฟ ข้านี่ปลิวกระเด็นลงทะเลแต่ยังดีที่เกาะซากลอยมาติดเกาะนรกนี่ได้
ดูเหมือนว่าเทพเฒ่าซัวกอธ ต้องการจะปกครองท้องทะเลอีกครั้ง กัปตันคารูโซ่คิดถูกแล้วที่จับพวกกบฏมาเซ่นเทพ แย่หน่อยที่เราหาเหยื่อเพิ่มไม่ได้ ตอนนี้ข้าได้ยินเสียงกระซิบแห่งความตาย เสียงก้ามหนีบกระทบกันแกร็กๆ ใต้เกลียวคลื่น ขอเทพเมตตาข้าด้วย และขอให้ทุกคนได้ยินคำเตือนของข้าจดหมายในขวดแก้ว, "อ่าน"
-
My motley crew, neither fit to lick my boots nor curl my moustache, have bloody well betrayed me. And I was only trying to save them, those that remained true. Even now, floating prostrate upon a plank of wood, bathed in the dying embers of the evening sun, I hear the clitter-clatter of a million tiny claws. If I close my eyes, I see those tentacles reaching up to me out of the deep.
I don't know why the Brine King chose me. For weeks I've heard the voices, whispering of his return, gurgling of doom and slavery to us all. I tried to warn the simple men of my ship, made examples of those more violent disbelievers. Yet my prophecies only served to drive the rest into obstinate ignorance. They cast me overboard, perhaps in the vain hope that in my death, none of my utterances would come true.
Alas, as the morning sun peeked over the horizon, a pillar of green light rose up from the waves, vindicating my darkest fears. The old god ascended from the depths and laid waste to my ship and all aboard her. Now, without food nor water, I shan't last the night. My bones shall be plucked clean by the pincered multitude that haunts me even now.
May this message find land, and by the unholy revelation that Tsoagoth has risen, may my reputation be restored.
- Captain Caruso of the Lady in Waitingสมุดปูมเรือปกหนัง, "อ่าน"
-
...ข้าขอร้องเจ้า เมอร์คูติโอ หากยังนึกถึงมิตรภาพระหว่างเราอยู่ ข้ามีเรือตัวเองก็จริง แต่เอาไว้ใช้ขนปลาเท่านั้น! ไม่ใช่เรือสำหรับออกไปยังที่นั่นเลย เมียข้าต้องการข้า เพื่อนยาก ข้ารู้ว่ามันบ้า แต่อาบิถูกราชันน้ำเค็มจับไปแล้ว ข้ากลัวว่าเธอจะตกเป็นเมียทาสของเจ้านั้นเหมือนที่เรื่องเล่าเก่าๆ เคยบอกไว้
ได้โปรด เมอร์คูติโอ ข้าเคยได้ยินว่าเจ้ารุ่งในเรื่องค้าขายช่วงหลังมานี้ เจ้าแบ่งเรือให้ข้าสักลำได้ไหม? ให้ข้าได้ออกเดินทางไปช่วยเธอ หรืออย่างน้อยก็พาร่างนางกลับมายังพื้นดิน ช่วยให้จิตใจข้าสงบทีเถอะ
ทุกคืนข้าฝันว่ามีพวกสัตว์ร้ายตัวซีดเปื้อนน้ำเหนียวหนืดไล่ตามเรือข้าผ่านท้องทะเลดำ ข้าไม่อยากมอง แต่ก็แอบมองไปบ้าง และพวกมันก็มองตอบ แววตาเบิกกว้างมีแต่ความเศร้าและโหยหา ไม่ใช่ดวงตาของท้องทะเลเลย เมอร์คูติโอ องค์เทพทรงโปรด... ดวงตาพวกนั้นคือดวงตาของอาบิ
- เบนริกแห่งกัลตันชิ้นส่วนจดหมาย, "อ่าน"
-
General Marcovius,
Commander of the Templar Fleet
Operation Ocean Blades
An urgent Report on:
The Massacre of Pondium Strait.
"We were sent here to crush the Brinerot pirates, but something far more troubling has occupied our attentions. Of the surviving men, a few of the older, more superstitious types call it the Brine King. Apparently some false deity of the sea we've long since scoured from our holy scriptures.
Whatever the damned thing is, it's big. I've seen it myself, though as little more than a vast shadow far below us, veritably dwarfing the hulls of our fleet.
Most of our ships are gone, dragged beneath the waves by this malevolent leviathan. We could do little but watch in horror as the waters about us blossomed red. We are nearing the Beacon, what's left of us, and the wind blows strongly towards home.
High Templar Avarius, please understand that I am not a man cut from the coward's cloth, but this situation... this game of cat and mouse has gone on too long. There is nothing to be gained in continuing on to Pondium. We shall turn our sails and catch the trade wind back to Oriath. I only pray we can outrun this thalassic fiend.
May Innocence guide and protect us.
General Marcoviusรายงานเทมพลาร์, "อ่าน"
-
O' Lord of Salt and Scale, your servants attend to thee.
Praise thee Tsoagoth!
Without life yet living, the Brine King sleeps.
We send our prayers to thee, so that you might eternally slumber.
O' great one, we offer up this human soul as slave for you in your drowned city.
Take this life and bid the seas be calm and plentiful.
Woe to the Sailor who does not offer tribute to thee!
Such a man is cast off from our ocean kingdom!
He shall be made pariah, with neither captain nor commission.
Judge us not by unworthy sails,
Look to us as your servants.
Your kin of salt and scale.
O' praise thee Tsoagoth, praise thee!แท่นบูชาแด่ราชันน้ำเค็ม, "อ่าน"
- ฟรีเชีย
- Ralakesh, Master of a Million Faces
-
ราลาเคช... น้องชายข้ายุ่งอยู่ใช่ไหมล่ะ...
Tangmazu, ทุ่งมอดไหม้
-
High Lord Ralakesh, I am but lowly outlaw scum, yet you, a god of a thousand faces, have looked at me and deemed me worthy of your cause!
I've offered willingly my flesh and blood. You shall now have my thoughts to use as you see fit. I only ask that you let me serve forever as one of your Holy Claws. Allow me to bring the light of your belonging to this whole bloody continent. My greatest desire is to see your ancient kingdom remade and your enemies cower at your feet.บทกวีสรรเสริญแด่ราลาเคช, "อ่าน"
- กรัธท์คัล พระมารดาผู้สิ้นหวัง
-
ใช่ ข้ารู้จักกรัธท์คัล มารดาผู้โศกสลด เธอนั้นถูกกล่าวถึงอย่างเด่นชัดในงานเขียนวาล์บางอย่างที่ข้าเคยซ่อมแซม สมัยที่ข้าอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่ธีโอโพลิสนั่นแหละ
หลังจากที่ลูกหลานของเธอตายสิ้น ราชินีกรัธท์คัลหนีไปทางเหนือ จนกระทั่งได้พบกับผู้ลี้ภัยจากดินแดนของเธอ ทว่าผู้ภักดีเหล่านี้ต่างมองว่าราชินีของพวกเขาเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือในการล้างแค้น พวกเขาบ่มเพาะความเจ็บปวดของเธอ เปลี่ยนความโศกสลดให้กลายเป็นความเกลียดชัง เปลี่ยนความเกลียดชังให้กลายเป็นความรุนแรง กรัทธ์คัลทำตัวเป็นสัตว์เดรัจฉานอันเกรี้ยวกราดดั่งหมีใหญ่ตัวหนึ่ง แต่ว่าผู้ดูแลของเธอนั้นประเมินค่าความทรมานในใจเธอต่ำเกินไป ดั่งหมีที่ติดกับ กรัธท์คัลงัดตัวออกมาเป็นอิสระจากความภักดีต่อความเป็นมนุษย์ แล้วสังหารผู้ติดตามของเธอให้ตายสิ้นจนถึงผู้หญิงกับเด็กคนสุดท้าย การทำลายล้างเช่นนี้ทำให้กรัทธ์คัลยกตนขึ้นเป็นเทพได้สำเร็จ
ความเจ็บปวดของกรัธท์คัลดำรงอยู่มาหลายยุคสมัย และเธอจะระบายความเจ็บปวดแก่ทุกคนที่เธอได้เผชิญ จนกว่าความโศกสลดของเธอนั้นสิ้นลงนั่นเอง - อาราคาลี ผู้ถักทอหมู่เงา
-
แม้ในขณะที่อาราคาลีผู้กล้าหาญได้วางรากฐานให้กับจักรวรรดิใหม่ภายในซากของจักรวรรดิเก่า ภัยคุกคามใหม่ก็ถือกำเนิดมาจากเงามืดในซอกเทือกเขา สัตว์ร้ายที่ปราศจากพลังเทวาและอยู่เหนือมนุษย์ ถึงขนาดว่าสูบเอาพลังของอาราคาลีได้เหมือนแมงมุมสูบเอาชีวิตออกจากหนอนที่ติดใย หยูกยาของราชินีเราเคยปกปักรักษาเรา แต่ตอนนี้ความอดอยาก โรคภัยทำลายทุกอย่างที่เหลืออยู่ในดินแดนของเรา
ยิ่งบีสต์บนเทือกเขาเติบโต อาราคาลีของเราก็ยิ่งอ่อนแอจนยิ่งกว่าเด็กที่ช่วยเหลือตนไม่ได้ เธอสูญเสียศรัทธาแม้แต่กับสาวกใกล้ชิด ในวิหารแห่งการเสื่อมสลายข้ารู้สึกอับอายบรรพชนเมื่อพิษแมงมุมเผาผลาญในท้องข้า ยามที่ราชินีต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด สาวกของเธอหักหลังเธอ มัดเธอด้วยไหมและทิ้งไว้ให้ทรมานใต้พีระมิด เช่นเดียวกับที่อาราคาลีเคยทำกับกรัธท์คัลเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนี้เธอกลับขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้ต้องการล้างแค้น เธอไม่ได้ไร้สติเหมือนกรัธท์คัลหรอก อาราคาลีเทพีแห่งความรักต้องการเพียงโอบกอดโลกอย่างที่เธออยากจะได้รับการโอบกอด
แม่ม่ายแท่นบูชาแด่อาราคาลี, "อ่าน"
-
ข้าเคยถามต่อพระวิญญาณ และท่านได้ตอบข้าด้วยฝันที่ทำให้ข้ากรีดร้องเสียจนตื่น อาราคาลีจะดูดกลืนชีวิตทุกอย่างจากแผ่นดินนี้ เหลือเพียงซากว่างเปล่ากับกระดูกที่ฝุ่นจับเพียงเท่านั้น มันจะไม่มีพระวิญญาณ ไม่มีพวกเรา ไม่มีสิ่งใดให้รักหรือร่วมหัวเราะไปได้อีัก
เหลือเพียงซากกับฝุ่นผง... กับอาราคาลี -
เสียงกระซิบของท่านภายใต้ปฐพีทำให้ผิวข้าสั่นไหว ราวกับลมหายใจคนรักที่ต้องกับอวัยวะเพศ ข้าไม่อาจหลับได้ลง ข้าได้ยินชื่อของท่านในกะโหลกของข้า อาราคาลี ไม่มีชื่อใดที่หอมหวานบนปลายลิ้นข้าเสียยิ่งไปกว่าชื่อของท่านอีกแล้ว
ข้าได้ยินเรื่องราวมามากมายเกี่ยวกับหญิงรูปงามผู้ต้องสาป เป็นภาพผู้หญิงอันเป็นเพชรเด่นที่เดินอยู่ท่ามกลางท้องถนนในกาลสุดท้ายของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ ข้าได้ยินว่าท่านตามหาเหยื่อ แต่ข้ารู้ความจริง ท่านตามหาผู้ชายที่รักท่านเพื่อคลายมนต์สะกด ท่านหวังว่ารักแท้จะทำให้ท่านสามารถสลัดร่างแปดขา เพื่อให้กลับมาเป็นเทพีแห่งรักได้อีกครา
ข้าขอสาบานตนต่อท่าน ท่านหญิงแห่งวาล์ของข้า ข้าสาบานว่าข้าจะมอบรักให้กับท่าน เพราะข้าคือชายคนนั้นที่ท่านเฝ้ารอ พวกรักศพเปี่ยมมลทินอ้างว่าพวกเขารักท่าน เรียกท่านว่าผู้ถักทอหมู่เงา แต่ท่านทำได้เพียงถักทอหมู่เงาแห่งปรารถนาในใจข้าเช่นนี้
ท่านอาราคาลีที่รัก ข้าพบแท่นบูชาของท่านแล้ว ข้าจะเพรียกหาท่าน ข้าจะทำให้ท่านกลับมามีรูปงามดังเดิม แล้วเราจะครองเวร์แคลส์ทไปด้วยกันอย่างรุ่งเรือง... ไปตลอดกาล - Sarn
- ยูกูล ภาพสะท้อนแสนสยอง
-
ในสวนเล็กๆ อันน่ารังเกียจของอีซาโร เจ้าจะได้พบกับสหายเก่าของข้า
ยูกูลผู้เป็นปากที่เปิดอ้า... เป็นเพียงแค่ความเชื่อเรื่องความหวาดกลัวที่สะท้อนออกมาจากหัวของสิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชนั่นเพียงเท่านั้น ผู้ใดที่มองเขาย่อมมองเห็นใบหน้าอันสยดสยองที่สะท้อนความหวาดกลัวของตนออกมา - Solaris, Eternal Sun & Lunaris, Eternal Moon
-
ดีที่ได้พบกับเจ้าที่ซาร์นอีกครั้ง ข้าอยากให้เราได้พบกันในวันที่ท้องฟ้าสดใส ทว่าเมืองนี้ก็ยังถูกบดบังด้วยเมฆหมอกแห่งความขัดแย้งเช่นเคย
ลูนาริส เทพีจันทร์นิรันดร กับพี่สาวของเธอ โซลาริสแห่งตะวัน ต่างได้ฟื้นคืนมาเพื่อครองสิ่งที่เคยเป็นของพวกเธอเอง สองพี่น้องอันมีกำลังเท่าเทียมกัน แม่น้ำแฝดอันยิ่งใหญ่รวมเป็นหนึ่ง กวาดล้างทุกผู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอ
เราเป็นเพียงสัตว์ที่ถูกต้อนให้จนมุม รอวันที่สายน้ำท่วมทะลักให้เราจมทั้งเป็น ทว่ามันยังมีทรัพย์สมบัติโบราณคู่หนึ่งอยู่ ลูกแก้วตะวันกับลูกแก้วจันทรา ลูกแก้วสองลูกนี้เป็นความหวังของเรา... เป็นที่พึ่งสุดท้ายของเรา -
ข้าคอยใช้ดวงตานกฮูกอันเฉียบคมในการเฝ้ามองเทพีตะวันมาแต่ไกล ลูกแก้วตะวันอยู่ภายในวิหารของเธอ มันถูกพิทักษ์โดยสาวกอันร้อนแรงที่สุดของเธอ เขาคือเอ็กไซล์ที่บ้าคลั่งเสียจนเรียกตนว่า 'ดอว์น' (รุ่งอรุณ)
ลูกแก้วนั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ต้องถูกฉกฉวยมาจากบุตรคนใหม่ของเธอ แล้วนำไปหว่านไว้ตรงเท้าของมารดาผู้ดึกดำบรรพ์ของเขา -
ข้าคอยจับตามองเอ็กไซล์-ผู้กลายเป็น-คนสอพลอที่เรียกตัวเองว่า 'ดัสก์' (ใกล้ค่ำ) ดัสก์นำลูกแก้วจันทราไปไว้ในวิหารลูนาริส และไม่ได้นำมันออกมา เท่าที่ข้าเห็นน่ะ
แน่นอนว่าเขากอดรัดลูกแก้วนั้นเอาไว้ราวกับเป็นเต้านมที่ให้นมของมารดาบุญธรรมของเขาเสียเอง หากเจ้าอยากให้เขาหย่านม แล้วนำลูกแก้วนั้นไปวางไว้ที่มารดาที่เจ้าพรากไป เราอาจได้เห็นจันทราร่วงหล่นเสียเอง -
หากมนุษยชาติจะมีแห่งยุคใหม่อันรุ่งโรจน์ ดวงอาทิตย์ย่อมต้องถูกสั่งสอนให้รู้จักระงับตนเสียบ้าง
โซลาริสมุ่งที่จะเผากลืนให้สิ้นทุกชีวิตในพื้นที่อันกว้างใหญ่ระหว่างซ้ายขวาของซาร์น เธอไม่คิดถึงชีวิตกับความจำเป็นใดๆ ของมัน และเธอย่อมทำให้โลกนี้เหือดแห้งไปเสียสิ้นก่อนที่จะยอมจำนนต่อเหตุผล
ตะวันย่อมต้องตกดิน เพื่อให้ตะวันขึ้นฟ้านั้นเป็นเรื่องประเสริฐ มิใช่เรื่องหายนะ -
เราเข้าใกล้ถึงจุดสิ้นสุดในการออกล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไปสู่สะพานที่บีบรัดคออันยิ่งใหญ่ที่เปียกชุ่มของซาร์นนั่นเอง
ลูนาริสนั้นโกรธเกรี้ยวอย่างเลือดเย็นเสียจนลืมไปว่าดวงอาทิตย์ยามรุ่งนั้นให้ชีวิตได้พอกับความเย็นเยียบยามอาทิตย์อัสดง
จักรวรรดิที่ลูนาริสใฝ่ฝันนั้นย่อมเฉิดฉายไปด้วยดวงจันทร์และดวงดาวระยับ และชีวิตต่างๆ จะเหือดแห้งไปในคืนอันเป็นนิรันดร์ - Vastiri
- Garukhan, Queen of the Wind
-
การูคานขอพรจากท้องฟ้าอีกครั้ง แม้นเธอต้องจบชีวิต ก็ขอให้จบชีวิตบนท้องฟ้านั้น
โลกนี้ไม่เคยเป็นบ้านของเธอเลย เธอต้องการสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
เธอต้องการการผจญภัย
แต่แล้วเธอก็จบชีวิตลง ณ ผืนดินนี้... - ชาคารี ราชินีแห่งผืนทราย
-
ตอนข้าได้รับดอกไม้เลือดครั้งแรก ข้าได้ร่วมพิธีพิสูจน์ความเป็นอิสตรีอันแท้จริง ผู้หญิงชาวมาราเค็ททุกคนต้องร่ายรำกับแมงป่องเพื่อพิสูจน์ตนว่าคู่ควรกับหอกของเด็คคารา
การจับแมงป่องดำมาราเค็ทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย หางมันเร็วมาก เหล็กไนก็คม พิษก็ถึงตาย ข้ารอดจากพิธีมาได้อย่างไร้บาดแผล แต่น้องสาวข้า... เราเกิดท้องเดียวกัน ลืมตาดูโลกด้วยกัน เธอชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปากแล้วจากโลกนี้ไป
นับแต่วันนั้นมาข้าก็ไม่เคยหลับสนิทเพราะกลัวหางแมงป่อง และบัดนี้ ชาคารี พระแม่แมลงดำทั้งมวลก็ผุดขึ้นมาจากทรายเสียอย่างนั้น!
ตามหานังแมงป่องสารเลวนั่นแล้วฆ่ามันเพื่อข้าเสีย... ฆ่ามันเพื่อลูกหลานทุกคนที่ทนทุกข์ทรมานและล้มตายจากหางแมงป่องพิษของมัน -
เจ้าฆ่าชาคารีได้แล้วเหรอ? สุดท้ายก็ล้างแค้นให้น้องสาวข้าได้เสียที ชาคารีควรจะเป็นครูผู้ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ผู้นำทางเราไปสู่ความเป็นอิสตรีเต็มตัว แต่มันกลับหยิบยื่นแต่ความตายให้เรา
ข้าว่าสมควรแล้วที่ผู้เป็นครูจะได้เรียนรู้บทเรียนแห่งความตายด้วยตนเอง ชีวิตเราทั้งชีวิต เราอยู่เพราะพรจากเหล่าเทพีของเรา แต่ตอนนี้พวกเธอก็เดินดินอยู่ตรงหน้า ทำให้เราได้เห็นว่าพวกมันเป็นเพียงอสุรกายเพียงเท่านั้น
ได้โปรดให้ข้าตอบแทนเจ้าเถิด -
ในทะเลทรายมาราเค็ทนั้น มีโอเอซิสแห่งหนึ่งอยู่ทางตะวันออก แหล่งน้ำมีพายุผิดธรรมชาติคอยบดบังไม่ให้ผู้ใดได้พบเห็น ทรายจะเลาะเนื้อจากกระดูกเจ้าหากเจ้าก้าวเข้าเงามืดของมัน แต่เจ้าก็ยังต้องเข้าไป
เทพีชาคารีซ่อนอยู่ในพายุทรายสีทองนั่น มีแต่ความแค้นก่อกำเริบในยามที่เธอคืนชีพและปลุกกองทัพโบราณของเธอขึ้นมา ซึ่งเป็นกองทัพที่เคยจ้องทำลายสมดุลระหว่างแผ่นดินทั้งหมด
หากเธอปลุกกองทัพขึ้นมาได้ ชาวมาราเค็ททั้งหมดอาจจะตกอยู่ในกำมืออันโหดเหี้ยมของเธอ ตอนนี้ยังไม่อาจทำลายพายุนั้นได้ ต่อให้เป็นข้าก็ตาม แต่มันต้องมีสักทาง
ชาวไฮเกทพวกนี้ชอบทะเลทรายและอากาศอันโหดร้าย บางคนอาจรู้วิธีสลายพายุนี้ไปก็เป็นได้ -
"เรื่องจริงสินะ" ชาคารีคิดในใจในลมหายใจสุดท้ายของเธอ
"ซิน พ่อข้า อยากฆ่าข้า เขาก็เลยส่งสมุนหมาบ้ามาจัดการข้า..." - The Silence of the Gods
-
นอกจากตัวของข้าแล้ว ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงการสั่นไหวของของเทพองค์อื่นได้อีก แม้ข้างนอกนั้นอาจมีเทพองค์อื่นหลงเหลืออยู่บ้าง แต่สำหรับตอนนี้ เวร์แคลส์ทก็ได้โล่งอกไปชั่วครู่
แต่เรายังต้องหันไปหาคิทาวาที่ยังอิ่มเอิบไปกับผู้คนที่น่าสงสารที่ติดอยู่ในโอริอาท เจ้าได้ดื่มด่ำพลังพรรคพวกเขาข้าเสียอิ่มแล้ว พลังเหล่าทวยเทพไหลเวียนอยู่ในสายเลือดเจ้า รอคอยที่จะถูกนำออกมาใช้กับเหยื่อที่เลือก เราทำได้เพียงหวังว่ามันจะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับเทพผู้เป็นปีศาจตนนั้น -
ข้าชื่อคิรัค นักสะกดรอยกับเจ้าหน้าที่ในกองหน้าแห่งพลเมืองใหม่ของโอริอาท เราเป็นแนวหน้าที่จะกันไม่ให้อะไรอย่างคิทาวากับอินโนเซนเข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวได้อีก พวกเทมพลาร์ปิดบังธรรมชาติที่แท้จริงของโลกใบนี้จากประชาชนมาโดยตลอด แต่ในเมื่อความแตก เราจะใช้ตาทั้งสองข้างคอยจับตาดูให้ดี แต่สำหรับข้าก็ข้างเดียวน่ะนะ
-
เหมือนว่าพอก็คือพอ กองหน้าทำการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติกาล... และโอริอาทก็ถูกทอดทิ้ง หลังจากการครองอำนาจของพวกเทมพลาร์ ตามด้วยการปราบปรามภายใต้อินโนเซน ตามด้วยการสังหารหมู่ด้วยน้ำมือของคิทาวา แล้วก็ลงเอยที่การสร้างหายนะของไซรัส มันเห็นได้ชัดว่าเกาะเล็กๆ ของเราไม่ใช่ที่ที่คนใดควรอยู่ บางคนอาจเรียกได้ว่าที่นี่เป็นที่ต้องสาปเสียด้วยซ้ำ แต่พวกเราก็มีส่วนทำให้เกิดหายนะเหล่านี้เช่นเดียวกัน
มันตลกร้ายไม่เบาเลยที่ชาวโอริอาทอย่างเราต้องไปพึ่งใบบุญชาวคารุยที่เราเคยจับมาเป็นทาส ข้าเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าเราทำชั่วกับใคร เขาย่อมทำชั่วกับเราเข้าสักวันหนึ่ง แต่ข้าประเมินเกียรติยศของเจ้าของแผ่นดินใหม่ของเราต่ำเกินไป พวกเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่เหล่าเทพเจ้าของพวกเขาตายลง... เราเองก็เปลี่ยนไปหลังจากที่เทพเจ้าของเราจากไป ข้าไม่ใช่ผู้ที่มีศรัทธาแต่แรก แต่ข้าเองก็สัมผัสได้ บัดนี้เราอยู่ตามลำพังแล้ว
เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อเผชิญกับสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้...
Wikis Content is available under CC BY-NC-SA 3.0 unless otherwise noted.