Vastiri Topic /3
NPC | ชื่อ |
---|---|
ปีกแห่งวาสตีรี | การูคาน ราชินีศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องฟ้าผู้ขี่ร็อกอันองอาจ ลงจากนภามาปะทะศัตรูกับกองทัพแห่งความมืด |
กระจกแห่งเทคลาติพิทซี | "ข้าจะมอบให้เธอแล้วบอกเธอว่า 'มันเคยมีภาพสะท้อนของราชินี จากนี้ไปมันจะมีภาพเช่นนั้นอีกครา' แอนตันจะไปข้ามทุ่งราบวาสตีรีด้วยผลงานของครอบครัวเขาก็ได้ หากเขาคิดว่าเขารักเธอได้เท่ากับข้า" |
บันทึกสงครามของแนชตา | "เวร์แคลส์ทนั้นทรหด ทุ่งราบแห่งวาสตีรีนั้นโหดร้าย เราชาวมาราเค็ทไม่อาจทำสงครามภายในได้เป็นแน่ เราจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าแนชตาอยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้" |
Vastiri FlavourText /25
name | flavour |
---|---|
ปีกแห่งวาสตีรี BaseItemTypes | การูคาน ราชินีศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องฟ้าผู้ขี่ร็อกอันองอาจ ลงจากนภามาปะทะศัตรูกับกองทัพแห่งความมืด |
กระจกแห่งเทคลาติพิทซี BaseItemTypes | "ข้าจะมอบให้เธอแล้วบอกเธอว่า 'มันเคยมีภาพสะท้อนของราชินี จากนี้ไปมันจะมีภาพเช่นนั้นอีกครา' แอนตันจะไปข้ามทุ่งราบวาสตีรีด้วยผลงานของครอบครัวเขาก็ได้ หากเขาคิดว่าเขารักเธอได้เท่ากับข้า" |
บันทึกสงครามของแนชตา BaseItemTypes | "เวร์แคลส์ทนั้นทรหด ทุ่งราบแห่งวาสตีรีนั้นโหดร้าย เราชาวมาราเค็ทไม่อาจทำสงครามภายในได้เป็นแน่ เราจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าแนชตาอยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้" |
ทะเลทรายวาสตีรี MapPins | เม็ดทรายที่ร้อนระอุ คมกริบกว่าคมอาวุธโจรร้าย |
LibraryGaribaldi2 NPCTextAudio | {Book 2: Bloody Flowers} High Templar Voll had Victario entreat Thane Rigwald of Ezomyr, knowing that a poet would fare far better than any politician in rousing the romantic Ezomytes to rebellion. Stirred by Victario's impassioned words, Rigwald mustered his blood-bound clans, and on the 3rd Fiero of Dirivi 1333 IC, took to the fields of Glarryn in open rebellion against Governor Gaius Sentari. Such was the colourful splendour of a thousand tartans and banners that the Ezomyte uprising became known as "The Bloody Flowers' Rebellion". Though Sentari's Gemling legionnaires slew three Ezomytes for every one of their own fallen, the Bloody Flowers won the day through sheer fury-driven courage. Governor Sentari fled to Sarn, only to return in Astrali with reinforcements drawn from the capital, Vastiri and southern garrisons. Little did Sentari know that, by so weakening those forces, he was playing right into Voll's hands. { - Garivaldi, Chronicler to the Empire} |
LibraryGaribaldi4 NPCTextAudio | {Book 4: The Red Sekhema's Saddle} In return for her military support in the rebellion, Voll promised Sekhema Deshret the return of the Maraketh grazing lands stolen during the imperial conquest of the Vastiri Plains. The Red Sekhema agreed on one condition, that she might have Hector Titucius' skin with which to fashion a rhoa saddle. To this end, Voll and Deshret engineered a trap for General Titucius and his Vastiri Legion. The Maraketh had long been able to predict the comings and goings of the vast and vicious dust storms that constantly plague the plains. Deshret located one such fledgling maelstrom within a day's march of Titucius' camp. For his part, Voll identified a number of imperial spies amongst the Maraketh and fed them false information regarding a potential tribal uprising. Taking the bait, Titucius had his Gemling legion surround the supplied location, thus placing himself squarely in the path of Deshret's dust storm. On the third Galvano of Vitali 1333 IC, the tempest descended upon Titucius' legion with blinding, deafening ferocity. Deshret's {akhara}, born and raised in dust and wind, swept through the legion, harvesting it like a field of ripe corn. Once storm and Maraketh fury had abated, the Vastiri Legion existed only as a multitude of dust-cloaked mounds. The Red Sekhema claimed her prize and it is said that there is no more comfortable saddle in all of Vastiri than Deshret's. { - Garivaldi, Chronicler to the Empire} |
OyunDeshretQuest NPCTextAudio | ใช่ ทาซูนีแจ้งข้าว่าเดสเชรทยังอยู่ในเหมือง แต่เขาบอกไม่ได้ว่าเธอไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร มันเป็นช่องโหว่อีกเรื่องที่น่ากังวลในความรู้เกี่ยวกับฝันร้ายของเรา ไม่ว่าเธอจะมีที่มาอย่างไร ข้าจะไม่นำ{เด็คคารา}ของข้าไปเสี่ยงเพื่อปลดปล่อยเธอ ต่อให้เธอยังมีเลือดเนื้ออยู่ ข้าก็คงจะตัดสินใจเช่นเคย เธอมิได้เป็นเซ็คเคมาของเราอีกต่อไปแล้ว และเราได้ทำตามหน้าที่เป็นที่ระลึกแก่เธอมาหลายต่อหลายเท่า คิระย่อมไม่เห็นตรงกับข้า แต่เธอทำได้เพียงคัดค้านด้วยคำพูดเพียงเท่านั้น ข้าเป็นเซ็คเคมาของเธอ และเธอย่อมไม่ต่อต้านกับข้าเป็นแน่ ดังนั้น หากเจ้ามีโอกาส เจ้าสามารถปลดปล่อยเดสเชรทได้ มันย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่เธอจะได้กลับคืนสู่ฝุ่นทรายแห่งวาสตีรี แต่มันคงจะผิดนักหากมีใครต้องตามเธอที่นั่นอีก |
KiraOnDeshretFreed NPCTextAudio | เดสเชรทได้ขึ้นสู่ฟ้าสู่ฝุ่นทรายแห่งวาสตีรีดังที่เราทุกคนควรเป็น ความเสื่อมเกียรติของเซ็คเคมาสีแดงได้สิ้นลงแล้ว และด้วยเหตุนั้น เจ้าย่อมมีพระคุณต่อข้าอยู่เสมอ ทว่าเกียรตินั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าได้ประพฤติ{หรือไม่} เกียรตินั้นอยู่ที่ว่าประพฤติ{อย่างไร} มันบอกอะไรเกี่ยวกับชาวมาราเค็ท ในเมื่อพวกเราถูกสั่งห้ามไม่ให้ดูแลคนร่วมเผ่าของเราเอง? มันบอกอะไรเกี่ยวกับโอยุนกับความเชื่อของเธอต่อสายเลือดของเธอ หรือเกียรติของเรากันแน่? |
TasuniSealBroken NPCTextAudio | ประตูเปิดแล้ว บัดนี้ข้าได้ยินเสียงเธอราวกับว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้กับข้า คำพูดของสตรีที่สิ้นชีพ สะท้อนขึ้นมาจากเบื้องลึกของไฮเกท วิญญาณที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ ทว่ามิได้เป็นทาส ถูกทรมาน แต่ว่ามิสิ้นสติ สตรีที่สิ้นชีพผู้นั้นคือเดสเชรท และเซ็คเคมาสีแดงของเราก็อยากคืนสู่ฝุ่นทรายแห่งวาสตีรี หากเจ้าปลดปล่อยเธอ ข้าจะตอบแทนให้เจ้าเท่าที่ข้าจะทำได้ |
TasuniDeshretFreed NPCTextAudio | ข้าสัมผัสได้ ข้า{เห็น}กับตา... มรสุมที่มาจากการปลดปล่อยเธอ บัดนี้เซ็คเคมาสีแดงของเราจะได้ร่วมกับปฐพีสีแดงของบ้านเกิดเรา เดสเชรทนั้นเป็นลมอันแผดเสียง เป็นฝุ่นทรายที่พุ่งฟาดและกัดเสีย บัดนี้วาสตีรีอันเป็นธรรมชาติของเราจะไม่อ่อนกำลังจากการขาดเธออีกต่อไป เจ้าได้ทำเรื่องที่ภาคภูมิในวันนี้ เอ็กไซล์ เจ้าแก้ไขในสิ่งที่ผิดที่พวกเราชาวมาราเค็ทต้องเกิดมาชดใช้มาแสนเนิ่นนาน และแน่นอน เจ้าจะได้รับสิ่งตอบแทนดังที่ข้าสัญญาไว้ |
HarganTituciusQuest NPCTextAudio | บอกข้าอะไรหน่อย เจ้าสนใจที่จะมาร่วมมือแล้วทำกำไรงามๆ กับฮาร์แกนที่คุ้นเคยบ้างไหม? เจ้ารู้จักปีกแห่งวาสตีรีบ้างไหม? ไม่ มันไม่ใช่วัตถุโบราณทั่วไปหรอก มันเป็นสัญลักษณ์แห่งการครองตำแหน่งอันสูงสุดของชาวมาราเค็ท โดยผู้ที่ถือครองนั้นก็คือ "เซ็คเคมาแห่งเซ็คเคมา" ตำราประวัติศาสตร์กล่าวว่าปีกนั้นถูกสวมใส่เป็นครั้งสุดท้ายโดยเซ็คเคมาอาเซแนธ ผู้ที่เป็นเซ็คเคมาสีทอง... ผู้ที่ถูกเฮคเตอร์ ทิทูเชียสฆ่าตายนั่นแหละ ปัญหาก็คือทิทูเชียสดันฟื้นคืนชีพมาปกป้องของมีค่าของเขาอีกรอบ หากเจ้าเอาปีกแห่งวาสตีรีกลับมาได้ ข้ามั่นใจว่าข้าเอาไปขายให้กับมาราเค็ทเพื่อทำเงินอย่างงาม มันเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมนี่นา มีมูลค่าทางอารมณ์อยู่มากมาย เจ้าว่ายังไงล่ะ? |
HarganOnWingsOfVastiri NPCTextAudio | ข้าบอกได้ว่ามันถูกหลอมมาจากทองคำแท้ทั้งแท่งน่ะ แต่ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นเป็นแน่ ปีกนั้นเป็นมรดกตกทอดอันล้ำค่าของชาวมาราเค็ท ในสมัยที่เผ่าต่างๆ เลิกต่อล้อต่อเถียงกันแล้วร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิรันดร์ ปีกนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีนั่นเอง เซ็คเคมาสีทองที่สวมปีกนี้ในยามที่เธอนำกองทัพมาราเค็ทบุกโจมตีซาร์นน่ะเหรอ? แอเซแนธผู้นั้นเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวมาราเค็ท เฮคเตอร์ ทิทูเชียสพรากความหวังของพวกเขา พรากชีวิตเซ็คเคมาอันทรงคุณค่าของพวกเขาไปด้วย |
IrashaOnMarakethJustice NPCTextAudio | ตอนข้าอายุสิบสอง ชายสามคนเดินทางมาจากที่ราบวาสตีรีแล้วชายตามาที่ข้า พวกนั้นขอแค่น้ำ แต่ฉกฉวยไปเยอะกว่านั้น ตอนที่พวกผู้หญิงในไฮเกทจับพวกนั้นได้ ข้าได้รับโอกาสให้ประหารพวกมันกับมือ ซึ่งข้าก็ยินดี ถึงข้าจะอายุแค่นั้น แต่ก็รู้แล้วว่าการหักหลัง{อังคะรา}นั้นจะต้องชดใช้ด้วยอะไร ทาซูนีรู้แก่ใจว่าโอยุนต้องตายคามือนังนั่นที่ใฝ่สูงเป็นแน่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย หากข้าสามารถลงโทษการหักหลังเช่นนั้นได้ ข้าย่อมลงโทษ... อย่างยินดียิ่ง |
NinjaCopIntro NPCTextAudio | ข้าคือจุน ออร์ทอยแห่งทุ่งราบทะเลทรายวาสตีรีอันร้อนระอุ ข้ากำลังสืบสวนการหายไปของเอ็กไซล์ที่มีชื่อหลายราย ข้าได้แอบดูการเคลื่อนไหวของเจ้าตั้งแต่เจ้าถูกซัดเข้าชายหาด วิธีที่เจ้าจัดการกับช่างตีเหล็กหน้าค่ายนั่นทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเหมาะกับงานนี้ เวร์แคลส์ทไม่มีกฎหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความยุติธรรม และคนบางคนที่นี่สมควรตายมากกว่าคนอื่น คนที่หายไปเป็นคนดี นักสู้ที่ต่อสู้เพื่อนำพาแสงสว่างเข้าสู่สถานการณ์อันมืดมนนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาถูกจับตัวไปโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าองค์กรอิมมอร์ทัล และข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนสุดท้าย |
JunOrtoiIntroduction NPCTextAudio | ข้าคือจุน ออร์ทอยแห่งทุ่งราบทะเลทรายวาสตีรีอันร้อนระอุ ข้ากำลังสืบสวนการหายไปของเอ็กไซล์ที่มีชื่อหลายราย ข้าได้แอบดูการเคลื่อนไหวของเจ้าตั้งแต่เจ้าถูกซัดเข้าชายหาด วิธีที่เจ้าจัดการกับช่างตีเหล็กหน้าค่ายนั่นทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเหมาะกับงานนี้ เวร์แคลส์ทไม่มีกฎหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความยุติธรรม และคนบางคนที่นี่สมควรตายมากกว่าคนอื่น คนที่หายไปเป็นคนดี นักสู้ที่ต่อสู้เพื่อนำพาแสงสว่างเข้าสู่สถานการณ์อันมืดมนนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาถูกจับตัวไปโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าองค์กรอิมมอร์ทัล และข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนสุดท้าย |
JunAct9TownIntro NPCTextAudio | ข้าคือจุน ออร์ทอยแห่งทะเลทรายวาสตีรีอันร้อนระอุ ข้ากำลังสืบสวนการหายไปของเอ็กไซล์ที่มีชื่อหลายราย ข้าได้แอบสังเกตการเคลื่อนไหวของเจ้าตั้งแต่เจ้าถูกซัดเข้าชายหาด วิธีที่เจ้าจัดการกับอสุรกายใต้ภูเขานี้ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเหมาะกับงานนี้ เวร์แคลส์ทไม่มีกฎหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความยุติธรรม และคนบางคนที่นี่สมควรตายมากกว่าคนอื่น คนที่หายไปเป็นคนดี นักสู้ที่ต่อสู้เพื่อนำพาแสงสว่างเข้าสู่สถานการณ์อันมืดมนนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาถูกจับตัวไปโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าองค์กรอิมมอร์ทัล และข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนสุดท้าย |
AdiyahContractOneStart NPCTextAudio | สัญญาจ้างนี้เป็นเหตุที่ข้าเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่แรก มันเกี่ยวกับน้องสาวของข้า แนชตา กับหอกเล่มหนึ่ง แต่เล็กจนโต แนชตาไม่สามารถทำตามธรรมเนียมในกลุ่มชนของเราได้ เธอไม่พอใจกฎของเรา เธอถูกสักรอยอัปยศมามากมายจากการละเมิดกฎมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ยิ่งเธอถูกลงโทษ เธอก็ยิ่งเป็นคนหัวขบถไปทุกที ไม่นานมานี้ เธอหนีไปจากที่ราบวาสตีรีพร้อมอาชญากรจำนวนหนึ่ง พวกเขาจี้ปล้นคนจำนวนมากจนเป็นที่กลัวเกรงมาโดยตลอด แต่ว่าหน้าที่ของข้าบังคับให้ข้าตามล่าเธอเมื่อเธอขโมยหอกของโซเลอร์ไรไปจากพ่อค้าซาร์นชื่อกระฉ่อน ข้าอยู่กับหัวขโมยและคนโฉดชั่วเพราะว่านี่เป็นโลกของเธอ หนึ่งเดือนที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าได้รับข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเธอมากกว่าการออกตามหาเธอด้วยตัวเองในหนึ่งปี เราจะต้องเก็บหอกเล่มนั้นมาให้ได้ เราไม่อาจยอมให้เธอใช้อาวุธตามธรรมเนียมมาราเค็ทได้อย่างไร้ความเคารพเช่นนี้ นี่เป็นหน้าที่ของข้า เพราะแนชตาเป็นน้องสาวของข้า สัญญาจ้างนี้ทำให้มันเป็นหน้าที่ของเจ้าเช่นเดียวกัน |
AdiyahGossipAboutHome NPCTextAudio | ข้าไม่อยากพูดชื่อ{อังคะรา}ของข้าท่ามกลางเหล่าผู้ที่มีชื่อกระฉ่อนเหล่านี้ แต่ข้าบอกได้ว่าข้ามาจากทางตอนเหนือของที่ราบวาสตีรี กองคาราวานของบ้านข้านั้นมีรถเข็นอยู่ 92 คัน ซึ่งแต่ละคันประดับประดาไปด้วยพรมผนังที่มีสีสันกับโลหะขึ้นรูป มันเป็นชีวิตและแผ่นดินที่ไม่เหมือนกับที่นี่เลยแม้แต่น้อย ถึงจะยากลำบาก มีหน้าที่เป็นพันธะ แต่ก็มีคุณค่า ข้าจะกลับไปที่นั่นเข้าสักวันเมื่อข้าหมดหน้าที่ตรงนี้ ข้ายังติดหนี้บุญคุณต่อท่านผู้นำที่ยอมให้ข้าอยู่ที่นี่ ถึงแนชตาจะตายไปแล้ว แต่ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักไม่กี่เดือน |
GiannaContractOne NPCTextAudio | โชคดีเหลือเกิน! แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่ได้สัญญาจ้างของข้าไป เจ้ารู้จักอะไรเกี่ยวกับโรงละครบ้างไหมเนี่ย? รู้จักบทละครต้องสาปไหม? มันเป็นบทละครที่ไม่มีนักแสดงคนใดควรเอ่ยชื่อ ไม่เช่นนั้นนักแสดงคนนั้นจะถูกกลืนกินจากภูติผีที่ตามหลอกหลอนบทละครนั้น? ข้าได้ยินมาว่าผู้แต่งบทละครนี้เขียนเอาไว้ตอนที่เขาเมายาจนเสียสติ แน่นอนว่าตอนนั้นเขาไม่รู้ตัว แล้วก็ตายไปหลังจากที่เขียนคำสุดท้ายในบทละครนั้น บทละครที่ข้าจะไม่เอ่ยชื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของแม่สาวงดงามที่ถูกกวาดต้อนไปสู่โลกที่อยู่ภายใต้ทรายแห่งวาสตีรี ที่ที่ผู้ตายได้สร้างนครแห่งกระดูกเอาไว้ เธอแต่งงานกับรูปปั้น กลายเป็นราชินีแห่งนครนี้ แล้วผิวหนังของเธอก็ลอกออกมา แล้วตัวเธอแบบตัวเล็กตัวน้อยก็ทะลักออกมาร้อยตัว มันบ้าสิ้นดีจริงๆ มันถูกเก็บเอาไว้กับผลงานอื่นๆ ที่พวกเทมพลาร์ถือว่าเป็นผลงานน่ารังเกียจ และข้าต้องเอามันมาให้ได้ |
NenetContractOneStart NPCTextAudio | มันย่อมเป็นเกียรติของข้านัก เอ็กไซล์ ที่คนที่มีพละกำลังอย่างเจ้าคุยกับข้าตั้งแต่แรก อย่าว่าแต่ช่วยเหลือข้าเลย ข้าเป็นเพียงคนจรจัด และสถานะเช่นนั้นทำให้ข้าออกมาทำภารกิจนี้เอง ข้าได้เดินทางมาแสนไกลเป็นเวลาหลายต่อหลายปีเพื่อตามหาทรัพยากรกับพรรคพวกในการทำสิ่งที่ข้าต้องการ บัดนี้ข้าอยู่ที่นี่ตรงหน้าเจ้า ข้าพร้อมแล้ว ที่ราบวาสตีรี ที่ที่ข้าจากมานั้น พวกมาราเค็ทไม่มีความเมตตาให้แก่ผู้อ่อนแอหรือผู้ที่พวกเขาอ้างว่าไร้ประโยชน์ คนจรจัดคนอื่นๆ พบตัวข้าแล้วเลี้ยงดูข้าเป็นอย่างดี ถึงแม้ชีวิตของพวกเราจะอยากลำบาก เราก็ยังพอมีวัฒนธรรมของเราอยู่เล็กน้อย เราเรียกพวกเราว่ากลุ่มชนฟาริดัน พวกมาราเค็ทเชื่อว่าเรานั้นไร้ค่าและมีตำหนิ แต่ข้าเชื่อว่าข้าพิสูจน์ได้ว่ามันไม่จริง กลุ่มชนของข้ามีตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับนักรบผู้กล้าหาญที่พยายามรวมค่ายฟาริดันที่แตกแยกให้เป็นปึกแผ่นเมื่อหลายต่อหลายพันปีก่อน ท่านมีชื่อว่ายามันรา และท่านต้องการทำให้พวกเราเป็นปึกแผ่นเพื่อที่เราจะได้เป็นกลุ่มชนของเราเอง หากเราพิสูจน์ได้ว่าท่านมีตัวตนด้วยการตามหาคัมภีร์ยามันรา ข้าอาจทำพิธีกรรมท้าทายกับชาวมาราเค็ทเพื่อนำนักรบฟาริดันมาทดสอบความคู่ควร หากเราทำสำเร็จ พวกเขาจะต้องยอมรับเราให้ได้กลับเข้าไปสู่ชีวิตที่เราควรมี! เจ้าจะช่วยข้าชิงบ้านของข้ากลับคืนมาได้ไหม เอ็กไซล์? |
NenetContractTwoStart NPCTextAudio | ข้าทำการตัดสินใจแล้ว เอ็กไซล์ ข้าไม่เชื่อว่าพวกมาราเค็ทจะยอมมอบบ้านให้กับเราหรือยอมให้เราสร้างบ้านเป็นของตัวเอง คัมภีร์ที่เจ้าช่วยข้าเก็บมานั้นบอกเล่าเรื่องราวของยามันรา แต่มันยังลึกซึ้งไปกว่านั้น มันยังกล่าวถึงหลุมฝังศพของท่านอีกด้วย เจ้าคงเข้าใจเจตนาข้าแล้วใช่ไหม? ในดินแดนอันบ้าคลั่งที่คนตายฟื้นชีพและบุคคลในตำนานหวนคืนมา ข้าเชื่อได้ว่าเราสามารถตามหายามันราแล้วปลดปล่อยท่านออกมาจากสุสานของท่านได้ หากพวกมาราเค็ทจะไม่ยอมรับฟังคำขอร้องของเราด้วยสันติ งั้นกลุ่มชนฟาริดันอย่างเราจะต้องสร้างบ้านของเราในที่ราบวาสตีรีด้วยปลายดาบ ยามันราย่อมได้ทำสิ่งที่ท่านอยากทำมาตลอดหลายต่อหลายพันปีก่อนให้เสร็จสิ้น หากคราวนี้ท่านมีพลังมลทินอยู่เต็มเปี่ยม ก็ย่อมไม่มีพิษใดอันขลาดเขลาที่สามารถหยุดยั้งท่านได้อีก ช่วยข้าปลดปล่อยยามันราจากสุสานของท่านแล้วเกลี้ยกล่อมให้ท่านนำอุดมการณ์ของเราเสียเถิด เอ็กไซล์! |
NenetAboutPlainsOfVastiri NPCTextAudio | ชื่อนั้นเป็นคำโกหกอันสวยหรู: 'ที่ราบ' วาสตีรีนั่น ข้ารู้จักมันในฐานะของทะเลทรายอันโหดร้าย เป็นดินแดนรกร้างที่มีเพียงหินหยาบกระด้าง ทรายสีเลือดนก กับดินเค็ม เหล่าผู้ที่เรียกที่นั่นว่า 'ที่ราบ' นั้นมองมันราวกับว่ามันเป็นเวลาหลายต่อหลายพันปีก่อน พวกนั้นย่อมถูกลวงหลอก แต่ข้าเป็นใครเล่าถึงจะตัดสินผู้อื่นได้? ข้ายังเชื่อว่าสักวันข้าจะพบบ้านเข้าสักวัน แม้ข้าจะมีใบหน้าเช่นนี้ก็ตาม บางทีเราทุกคนต้องการการลวงหลอกเล็กน้อยเพื่อรักษาสติของเราไว้ เจ้าชอบความบ้าคลั่งในรูปแบบใดกันเล่า เอ็กไซล์? |
NilesGodslayer NPCTextAudio | ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำให้คนทั้งเมืองเชื่อได้ยังไงว่าเจ้าฆ่าเทพเจ้าองค์หนึ่งที่อาละวาดด้วยน้ำมือของตัวเอง แต่ข้าเคยเห็นศิลปินถ่ายทอดสิ่งที่อ้างว่าเป็นการอาละวาดของคิทาวาแล้ว ไม่มีทางหรอกที่พื้นจะรับน้ำหนักสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้ เจ้าเคยเห็นรอยเท้าพวกนั้นไหม? ของปลอมชัดๆ มันถูกสลักโดยช่างฝีมือเทมพลาร์เพื่อเอาไว้หลอกลวงประชาชน แม่น้ำที่ไหลเป็นเลือดนั้นทำได้จากการใช้ดินสีเลือดจากที่ราบวาสตีรี พอมาคิดแล้วมันก็ช่างเป็นเรื่องง่ายจริงๆ ส่วนเรื่องประสบการณ์ของเจ้า มันเคยมีบันทึกเอาไว้ว่ามีแก๊สที่รั่วไหลจากสุสานที่เคยทำให้คนทั้งหมู่บ้านเชื่อว่าตัวเองกลายเป็นปลา พวกเขายังดิ้นบนพื้นเพื่อหาอากาศหายใจด้วย พวกเขาตายเสียด้วยซ้ำ! เจ้าเคยคิดไหมว่าเจ้าอาจเคยตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้มาก่อน? |
JamanraIntro NPCTextAudio | หายนะแห่งวาสตีรีจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทุกคนจะต้องก้มหัวให้ข้า - ไม่ก็ตาย! |
KahuGossipOnTheVastiriDesert NPCTextAudio | {ทะเลทราย}วาสตีรี? ป่าเขาลำธารหายเกลี้ยงหมดรึ? ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ารู้จักถูกกาลเวลาลบเลือนไปสิ้น! ไม่ว่าข้าจะพูดถึงใคร พวกเขาก็ตายไปแล้ว! ข้าควรจะหยุดถาม แต่ข้าก็อยากรู้นัก! แล้วพวกเอโซไมต์เล่า...? |
Community Wiki
Path of Exile 2: Act 2 Vastiri Desert
Path of Exile 2 Act 2 takes place on the Vastiri Desert, Maraketh tribe, possibly located in Vastiri Plains.
Act 2 is centered around a caravan of Maraketh called the Ardura who live in the Vastiri Desert. You're chasing another caravan from an opposing tribe called the Faridun.
Faridun related:
- Rusted Metamorph Scarab: Rejected even by the Faridun outcasts, young Saresh, you were cursed to walk the white sands until we found you. The Order shall command your penance now.
- Urn of Farud: "The Faridun cannot earn burial in the sky. They have other ways of keeping the dead."
Nenet
- Contract: Jamanra's Rest: "If Jamanra has been resurrected the way so many other ancient heroes have returned, then perhaps I can convince him to rise up and unite the Faridun once more!"
- HeistNenet1: "If we can prove Jamanra existed, then the Faridun may have a chance to rejoin the Maraketh. I, for one, would like to meet my parents. I have many questions..."
- AdiyahGossipAboutNenet: Nenet is from a people that currently call themselves the Faridun. They are our rejects. Those we Maraketh left to die in the desert as children for being unworthy or flawed. I do not think ill of Nenet. I do not think of her at all.
I am not cruel, exile. It is simply that scattered groups of pariahs wandering in the desert have no effect on the world. She will not find the home she yearns for among these scoundrels. - ExitBanterAdiyahToNenet: Why do you hide your face, Faridun?
- NenetContractOneStart: I am honoured, Exile, that one of your strength would even speak to me, let alone help me. I am an outcast, and it is that very status which drives me for this mission. I have traveled far, and for many years, to find the resources and allies to do what I intend. Here I am in this place, before you now, ready.
Where I am from, the Plains of Vastiri, the Maraketh hold no pity for the weak or the supposedly useless. The other outcasts found me and raised me, and though our lives are harsh, we have a meager culture of our own. We call ourselves the Faridun. The Maraketh believe we are worthless and flawed, but I am convinced I can prove that is not true.
There is a legend among my people of a bold warrior who tried to unite the scattered Faridun camps thousands of years ago. His name was Jamanra, and he wished only to unify us so that we might come into our own as a people. If I can prove that he existed by finding the Book of Jamanra, then I may be able to initiate a ritual challenge with the Maraketh to test Faridun warriors for worthiness. If we pass, they will have to accept us back into the lives we should have had! Will you help me win back my home, Exile? - NenetContractOneEnd: Jamanra did exist, Exile... and they killed him. The Sekhemas agreed to meet with him to discuss recognizing the Faridun nation, but it was a trick. They poisoned him. The supposedly honourable high-and-mighty Maraketh poisoned our greatest leader.
I suppose I should have expected nothing less from this brutal world we live in, Exile. You and I know best that hope is an illusion, and that raw force is the only way to take anything for oneself. In any case, I thank you for aiding me. - NenetContractTwoStart: I have come to a decision, Exile. I do not believe the Maraketh will ever willingly give us a home, or let us make our own. The Book you helped me retrieve tells Jamanra's tale, but it goes a bit further than that. It also tells of his final resting place. You can already guess what I intend, yes? In this land of madness where the dead rise and legendary figures return, I have a reasonable suspicion Jamanra can be found and released from his tomb.
If the Maraketh will not listen to our peaceful pleas, then perhaps we Faridun will carve a home for ourselves on the Plains of Vastiri with the sharp edge of a sword. Jamanra can finish what he began thousands of years ago, and if he is empowered by Corruption this time around, then no cowardly poison will be able to stop him.
Help me find Jamanra in his tomb and convince him to lead our cause, Exile! - SelectionBanterNilesToNenet: Ah, the Faridun.
- SelectionBanterNilesToNenetTwo: Out of curiosity, pariah, do the Faridun worship any gods?
- EntryBanterNenetNilesReply: In your mythology, what happens to the Faridun after death?
Area: Vastiri Outskirts
NPCs:
- The Hooded One
- Zarka
- Shambrin
Boss:
- Rathbreaker
Traitor's Passage, Cave
Boss:
- Rattlecage
Area: The Ancient Gates
Boss
- L'im the Impaler
- The Perennial King
Ardura
NPCs:
- Sekhema Asala
- Risu, Faridun Defector
Sekhema Asala: "I am Asala, the Sekhema of the Ardura. I care not where you came from, nor caste you might have been there. All that matters is that you have shown yourself capable in battle. jingakh. Remain a friend to the Ardura, and you shall have nothing but respect from us."
Sekhama Asala: "From what your shade has told us, the situation is dire. This balbalakh will live or die based on her usefulness in pursuit of the Seed of Corruption. Ask her what questions you will, then we Ardura will decide her fate."
Risu: "You need not trust me. You will see the truth of my information soon enough. I ask nothing of you, only that you do what you know is right."
Town: Ardura Caravan - split route progression
- The Lost City of Keth
- The Mastodon Badlands
- The Valley of Titans
- The Maraketh Burial Towers
Area: The Lost City of Keth
Area: The Mastodon Badlands
Risu on The Mastodon Badlands: " There is a tribe of lost-men that inhabits the Mastodon Badlands. They worship the bones of those long-ago beasts, and that faith has given rise to powerful tusks that can somehow call on storms and strike enemies with lightning. The King wishes to steal these objects of worship and use their lightning in war."
Sekhema Asala on Travel to the Mastodon Badlands: "Though events demand you tread upon a valley of the dead, do not do so flagrantly. Keep your presence light, cleanse what Corruption you can, and we shall skirmish with the Faridun to protect your flank."
Boss:
- Deathlord of Blackrib Pit + The Mastodon
Area: The Valley of Titans
Area: The Maraketh Burial Towers
Unknown
Boss:
Concept Art
Wikis Content is available under CC BY-NC-SA 3.0 unless otherwise noted.