Lore
- Miscellaneous Lore
- Giants
-
ผ่านทั้งความแห้งแล้ง เพลิง น้ำท่วม และความหนาวมามากมาย
เหล่ายักษ์โบราณยังยืนนิ่งดังหินผา
ภายใต้ผืนโลกอันแสนมืดมน
พวกเขายังยืดแขนได้กว้างไกลขึ้นไปทุกที -
บุรุษร่างยักษ์สมัยก่อนก็ใช้ธนูเช่นกัน
ธนูของพวกเขาใหญ่กว่า -
เคยมีตำนานกล่าวขานถึงคันธนูที่ทรงพลังเสียจนมีเพียงยักษ์เท่านั้นที่สามารถง้างมันได้
-
ไม่เหลือยักษ์โบราณที่เคยอยู่นานมา
เหลือร่องรอยเดียวคือความเจ็บปวดไร้กาลเวลา -
เจ้าไม่อาจคุมเลือดยักษ์ได้
ดุร้ายดั่งเพลิงที่ไร้ผู้ดูแล - The Great Fire
-
บรรพชนของเราเต้นรำและดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญ
แต่ไม่ได้แสดงความเคารพต่อเหล่าเทพผู้บุกเบิกที่มอบของขวัญเหล่านี้
เหล่าเทพผู้บุกเบิกจึงก่อไฟเต็มนภา -
เมื่อไฟปะทุออกจากภูเขา ผู้บุกเบิกราตรีถักตาข่าย
และบินไปด้วยลมร้อนในยามค่ำคืน
แม้เราจะไม่อาจเลี่ยงอันตรายในชีวิตได้ แต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ -
นานมาแล้วมหาสมุทรเป็นเพียงบ่อเล็กๆ ที่ปลาสีทองอาศัยอยู่
มันฉายแสงแก่มหาสมุทรจากภายในให้น้ำใสสะอาด
เมื่อท้องฟ้าลุกไหม้ ปลานั้นจึงดำดิ่งสู่น้ำลึก
มันไม่เคยกลับมาอีก แล้วน้ำก็ขุ่นมัว -
ทะเลเพลิงกวาดจากเหนือถึงใต้
คลื่นไฟเกลียวหมุนแสนตะกละ
มันสูงขึ้นและหิวโหยขึ้นไปทุกที
ท่วมทวีตามดินแดนที่กลืนกิน -
เมื่อไฟนรกลามเลียทั่วผืนดิน
ผู้บุกเบิกนภาเป็นผู้ที่ทำให้ปีกตนไหม้
เมื่อเขาหยุดไฟนรกนั้นไว้ -
หลังจากที่ไฟไหม้กวาดลงมาจากฟากฟ้าและกลืนกินเมืองเสียสิ้น
ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่นั้นแน่นิ่งราวกับถูกขังอยู่ในกาลเวลา
เป็นเพียงความทรงจำของสิ่งที่จากไป เป็นเสียงกระซิบของการกระทำทั้งหลายที่ไม่เสร็จสิ้น -
มีสิ่งมีชีวิตไม่กี่อย่างที่รอดจากเพลิงชำระล้าง
สิ่งเหล่านั้นเติบโต...
และเปลี่ยนแปลง... -
หลังจากเกิดมหาเพลิง แผ่นดินก็เหือดแห้ง
บรรพบุรุษของเราก็อ่อนแอลง
พระมารดากัลล์สงสารพวกเขา
จึงให้เมล็ดพันธุ์และน้ำ -
แต่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นผิดเพี้ยน น้ำก็มืดมน
ผู้ที่กินดื่มของขวัญของพระมารดากัลล์
ต่างให้กำเนิดปีศาจ
ที่กินกันเองเป็นอาหาร -
ท้องฟ้า ผืนดิน ปวงประชาต่างมอดไหม้
สิ่งที่เหลือเพียงเล็กน้อยก็เผชิญกับพายุที่โหมกระหน่ำ
ฤดูหนาวมาถึงอย่างกะทันหันแล้วอยู่ต่อมาหนึ่งชั่วอายุคน
อารยธรรมไม่ได้ถูกหยุดยั้ง แต่ถูกย้อนกลับ ถูกขจัดจนสิ้น -
"ครั้งหนึ่งได้เกิดไฟไหม้ผืนแผ่นดิน และผู้นำของเราก็ได้กลายเป็นเถ้าธุลีในที่ที่พวกเขาอยู่
โกศนี้มีสิ่งที่เจ้าคิด มันคือหลักฐานว่าเรายังมีเชื้อสายมาอย่างยาวนาน" - Basilisks
-
กรดบาซิลิสก์ไหลหยดจากใจสัตว์ร้ายมีพิษเหล่านั้น ข้าโทษพวกมันที่เกิดมาเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก
พวกมันน่าสงสารนัก เรื่องราวชีวิตของพวกมันแย่พอๆ กับชีวิตข้าเกินกว่าที่ข้าจะอยากจะพูดถึง การสร้างเถ้าถ่านอันมืดมนนี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงอันเลวร้ายขึ้นมา
แต่เราย่อมไม่มีวันทำสำเร็จหากข้ามัวแต่จมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต -
เหล่าขุนนางเคยคิดที่จะจับบาสิลิสก์เอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงพิสดาร
แต่มันยิ่งทำให้หัวใจของพวกมันดำมืดลง
กรดเปรี้ยวแห่งความเกลียดชังที่อยู่ภายใน
ทำให้เจ้าสัตว์ร้ายมีแต่ความโกรธเกรี้ยวถึงกระดูก - ผีตายโหง
-
...the spirits of tormented criminals that yield their ill-gotten gains when slain. Eager to protect their trove, these spirits flee when encountered and imbue nearby monsters with dangerous powers... It's also possible for spirits to possess rare and unique enemies, greatly increasing their threat (and value!) to treasure- seeking exiles.
--https://www.pathofexile.com/forum/view-thread/1111831
-
ยุคที่ฝังรากไปด้วยความเสื่อมถอย ความโลภ และความโหดร้าย
กระทั่งหลุมศพฆาตกรยังเคลือบทอง -
“เราย่อมต้องโปรยปรายน้ำอะไรเป็นกำลังใจบ้าง
เพื่อประดับคำสารภาพที่สมบูรณ์แบบ”
- บรูตัส พัศดีแห่งแอ็กเซียม -
ความจริงนั้นซ่อนอยู่ในตัวทุกผู้ทุกนาม หากขุดออกมาได้
คำสารภาพมากมายถูกพบภายในเบื้องลึกของแอ็กเซียม - Warbands
-
I designed the Mutewind so I can offer a few of my behind-the-scenes intentions for them:
I always imagine the reason they're hostile to you is that to them you're no different from the Rogue Exiles - a dangerous criminal made even more so by embracing the dark powers of a corrupted land.
I also intended them to have a very merit-based heirarchy [sic]. Their headgear is made from beasts they've hunted, and if we had the 3D art to show it would probably be personalized for each member. This philosophy is reflected in their succession rite [Mutewind Seal Unset Ring].
The three highest ranking Mutewind members have the most distinctive headgear - each is the result of a legendary hunt.
They also talk about their 'bloodline' [Mutewind Whispersteps Serpentscale Boots] being free of corruption, but they aren't all blood relatives. I see it as meaning they consider each other family, in the "once you're in, you're one of us and you've forsaken all of your previous ties" sense.
Disclaimer: The fact this stuff isn't explicitly said in the game means it could be contradicted at a later date, but hopefully it's interesting on its own.--Dan_GGG, https://www.pathofexile.com/forum/view-thread/1659337
-
For Warbands, the flavour texts for each unique item told you something about the band. The shield was the motto, and the boots spoke of their motivation. The Ring told of their succession method.
The Warband Cache's [sic] each talk about the homeland of the respective Warband.--Qarl, https://www.pathofexile.com/forum/view-thread/1659337
- Redblade
-
การหลั่งเลือดคือการแบ่งปันเลือด
-
ไอกัดกร่อนที่พุ่งขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ
สังหารแทบทุกอย่างที่อยู่ใต้ลมในท้ายที่สุด
ทว่าพวกเรดเบลดกลับเสียสติเพียงเท่านั้น -
เพื่อสืบทอดตำแหน่งผู้นำ ลูกของขุนศึกเรดเบลด
จะต้องดึงแหวนออกมาจาก
เถ้าของผู้เป็นพ่อที่ยังร้อนระอุ -
บ้านของเราถูกกลืนลงเบื้องล่างขุนเขาอันยิ่งใหญ่
จากความชะล่าใจของเรา
บัดนี้เราต้องพิสูจน์คุณค่าของเราแก่ผู้หลอมละลาย
โดยการสนองความหิวโหยต่อชีวิตของเขา - Mutewind
-
โอบกอดหิมะไว้ ไม่ก็ถูกฝัง
-
ไม่ค่อยมีใครสามารถเดินทางผ่านที่ราบอันแห้งแล้ง
ไปยังตีนเขาได้โดยที่ยังมีลมหายใจอยู่
ผู้ที่อาศัยอยู่ในภูเขาทำให้ไม่มีใครผู้ใดรอดไปถึงยอดเขา -
เมื่อร่างของหัวหน้าผู้สิ้นชีวิตถูกนำไปทำพิธีศพบนยอดเขา
ผู้ที่ต้องการอำนาจจะต้องขึ้นไปด้วยกัน
มีเพียงคนเดียวที่จะได้ตราประทับกลับมา
ส่วนคนที่เหลือจะไม่กลับมาอีกเลย -
พลังมลทินแผ่ไผศาลไปทั่วแผ่นดินนี้
แต่สายเลือดของเรายังคงบริสุทธิ์อยู่
จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้มันบริสุทธิ์ต่อไป - Brinerot
-
เจ้าแห่งทะเลไม่ก้มหัวให้กับใคร
-
กระแสน้ำอันอ่อนโยนของพอนเดียมเป็นที่พักพิง
ให้กับพวกขนของเถื่อน ฆาตกรและโจรมาหลายต่อหลายรุ่น
และปล่อยความแค้นกับประชากรที่นั่นเฟื่องฟู -
แต่ละครั้ง แหวนนี้จะถูกส่งมอบให้แก่กัปตันผู้อาวุโสที่สุดของกองเรือ
และแต่ละครั้ง แหวนวงนี้ก็จะถูกซัดกลับมายังชายฝั่ง
ในขณะที่ยังอยู่บนนิ้วมือที่ขาด -
ไอ้พวกคนรวยธีโอโพลิสมาตั้งค่าหัวพวกเรา
ลองดูสิว่าพวกมันจะให้อะไรเป็นค่าหัวของพวกมันเอง -
"เนรเทศลงทะเลเหรอ น่าตลก
ข้าเป็นอิสระมากกว่าที่ผ่านมาเสียอีก"
- กัปตันเวย์แลม "ฟันเน่า" รอธ แห่งเรือแบล็คเครสต์ -
เจ้าลองนึกถึงที่ที่เลวร้ายที่สุดดูนะ นั่นก็คือพอนเดียม คราวนี้เจ้าลองนึกถึงซ่องกะหรี่ที่สร้างความสุขให้กับเจ้าได้มากที่สุด นั่นก็คือพอนเดียม มันเป็น 'สวรรค์ของพวกโจรสลัด' ที่มีร่างมากมายให้แทง มีรูมากมายให้เติมเต็ม และมีสุราประหลาดให้ดื่มด่ำมากมาย
เกาะนั้นมีพวกไบรน์ร็อทคุม พวกเขาทำทุกวิถีทางให้มันคู่ควรกับความคาดหวังอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั่นแหละ
จากที่ข้าเคยไปที่นั่นมาครั้งที่แล้ว มันคงไม่เปลี่ยนไปนักหรอก แต่มันก็เป็นที่ที่เหมาะกับการสะบัดหัวเข็มขัดทิ้งไปร่วมรักกับแม่สาวต้อยต่ำทรงสะบึมทางหลังร้านบาร์เหล้าน่ะนะ! -
"ขอให้พวกเดินดินหวาดกลัวแต่หัวจรดเท้า
ขอให้คมดาบเราทะลวงตามเข้าไป"
- คำปลุกใจของฟันเน่า -
ใช่ พวกไบรน์ร็อทนี่มันช่างเลวนัก พวกมันถูกนำโดยคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับข้านี่เอง ลุสซี่ น้องสาวข้าเอง ทุกวันนี้พวกมันเรียกมันว่า "แม่เน่า" ข้าเคยเป็นผู้นำของพวกเขา ในสมัยที่พวกไบรน์ร็อทนั้นมุ่งเน้นการทำเรื่องเดียวเพียงเท่านั้น นั่นก็คือการจู่โจม ปล้นสะดมออกมาด้วยเรือดำเสียให้เต็มที่!
ลุสซี่ผู้เก่าแก่เคยเป็นต้นเรือของข้ามาหลายต่อหลายปี แต่มันสัมผัสถึงอำนาจอันหอมหวานที่มันจะได้จากการเป็นกัปตัน มันก็เลยก่อกบฏกับข้า! น้องสาวแท้ๆ ของข้าเนี่ย! มันทิ้งข้าไว้ที่เกาะร้างที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งที่ไหนสักแห่ง นังเวรนั่น ข้าต้องใช้เวลาหลายต่อหลายเดือนถึงจะกลับมาสู่แผ่นดินใหญ่ได้
จากนั้นเป็นต้นมากลุ่มไบรน์ร็อทก็เป็นตัวปัญหามาโดยตลอด กลุ่มนี้เคยรักษาเกียรติเยี่ยงโจรสลัดหัวเก่า ตอนนี้กลุ่มนี้กลายเป็นเพียงพวกคลั่งเสียสติที่ใฝ่หาความเกรงกลัวกับความหวาดหวั่นต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน -
เจ้าจะไม่เจอโจรสลัดคนใดที่โด่งดังเลื่องชื่อยิ่งไปกว่า เวย์แลม 'ฟันเน่า' รอธ แล้วละ ในสมัยที่แฟร์เกรฟส์ยังเป็นเพียงมือใหม่หัดขับ พ่อเฒ่าฟันเน่าก็ตะลุยผ่านช่องแคบโอริอาทในเรือของเขา 'แบล็คเครสต์' แล้ว
ว่ากันว่าเขาสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาเองกับมือ เขาเอากระดูกสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเล ที่เขาฆ่าด้วยฉมวกกับรัมขวดเดียวมาบุด้านในไว้ จะหาเรือเร็ว ดุร้ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ราวกับว่าวิญญาณสัตว์ร้ายนั้นยังสถิตอยู่ในตัวเรือ
ไม่มีใครเห็นพ่อฟันเน่ามายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ข้ารู้ว่าเรือแบล็คเครสท์อยู่ที่ไหน อยู่ที่สุสานเรือล่มไง เหมือนว่าเวย์แลม รอธ ได้ทานมื้อสุดท้ายไปกับท่านหญิงเมอร์เวลนั่นแหละ -
เวย์แลม รอธ... ข้าขอแบ่งปันเรื่องราวที่ข้าจำได้จากปู่ของข้านะ
ยามที่ผู้อื่นจะหลบหนีจากสัตว์ทะเลยักษ์ใหญ่สีขาว เวย์แลมใส่ฉมวกสุดท้ายในเครื่องยิง และในบัดนั้นเขาสาบานต่อท้องทะเลกับท้องฟ้าว่าเขาจะเป็นผู้เดียวที่จะฆ่าไอ้ลูกของราชันน้ำเค็มเสียให้สิ้น
เครื่องยิงนั้นยิงออกไป ฉมวกนั้นแทงทะลุระหว่างซี่โครงในยามที่มันพุ่งลงท้องทะเลอันกราดเกรี้ยว ควันเลือดพวยพุ่งออกมาภายใต้คลื่นทะเลดั่งกุหลาบที่เบิกบานภายใต้ท้องน้ำสีดำ แม้มันจะดูเป็นไปได้ยากเพียงใด แต่มหาสมุทรที่ทอดเงานั้นก็ยังมืดลงไปกว่าเดิม...
เขาใช้กระดูกของสัตว์ร้ายใหญ่ในการเสริมลำเรือของเขาให้แข็งแกร่ง นั่นก็คือเรือแบล็คเครสต์นั่นเอง พ่อเฒ่าฟันเน่านั่นเป็นตำนานตัวจริง เป็นวีรบุรุษโจรสลัดของจริงเลย ข้าหวังว่าสักวัน เรื่องราวของข้าจะเข้าถึงหูของเขา ทำให้เขาภูมิใจในตัวหลานสาวที่เขาจำต้องทิ้งไป -
ลิลลี่ รอธเหรอ? หลานสาวของพ่อเฒ่าฟันเน่า รอธในตำนานน่ะนะ? โอ้ โทษทีถ้าข้าแสดงออกเหมือนกับว่าข้า... ใจหวิวนัก ใช่ว่าเจ้าจะได้พบเห็นราชวงศ์แห่งการเดินทะเลน่ะ คือเจ้าก็รู้ว่าข้าคิดยังไงกับโจรสลัดนะ แต่พวกตระกูลรอธนี่เหมือนกับไอ้พวกหนูโจรสลัดแห่งท้องทะเลพอๆ กับที่... ฉลามมันเหมือนกับปลาทองน่ะ
ลิลลี่มีเลือดของปู่เธอเป็นแน่ มันเห็นได้ชัดเจนนัก ดูที่ดวงตาอันแวววาวของเธอ กับผิวเจือสีแดงของเธอสิ นั่นแหละ เจ้าหญิงโจรสลัดตัวจริง - Renegades
-
จงอย่าให้แสงสว่างบังสายตา
-
ราวกับว่าถูกชักใยจากสายใยศักดิ์สิทธิ์
ผู้ทรงอำนาจดึงดูดผู้ทรงอำนาจ
ทำลายศีลธรรมและกฎใดๆ ที่ขวางระหว่างกัน -
ผู้ที่แปรเปลี่ยนความภักดีเป็นนิจ
สุดท้ายเขาจะพบว่ามันไม่มีอยู่เลย -
การต่อสู้ในแดนของศัตรูถือเป็นข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์
จงทำให้มันเป็นแดนของเจ้า ศัตรูจะเป็นฝ่ายผิดพลาดเสียเอง - ฮาร์บินเจอร์
-
การพักรบพันปีได้สิ้นสุดลงแล้ว เพราะเหล่าผู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้จองจำพระเจ้าของพวกเขา
หากพวกมันรุกรานอีกครั้ง คราวนี้จะไม่มีการเตือนอีกต่อไป -
นักรบแห่งแดนไกล ท่านได้เริ่มการเดินทางที่อาจไม่มีวันหวนกลับ แต่เป็นการเดินทางเพื่อพวกเราทุกคน
-
<
>< >< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >< >< > -
<
>< >< >< >< >
<>< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >< >< > -
<
>< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< > -
<
>< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >< >< >< >< >< >< > -
<
>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< >< > -
<
>< >< >< >< >< >< >
<>< >< >< > - ภาคีแห่งจินน์
-
เอ็กไซล์ ข้าเกรงว่าข้าได้ปิดบังอะไรบางอย่างจากเจ้า หลุมเก่าๆ นั่นมันเคยเป็นพระคลังต้องห้าม และข้าคือผู้ปกป้องมัน ที่เจ้าไม่รู้จักมันก็ไม่แปลก เพราะมันถูกปิดเป็นความลับมิดชิดมาหลายชั่วอายุคน มีเพียงอังคะราของข้าเท่านั้นที่รู้ เหล่า-... เหล่าภาคีแห่งจินน์
ข้ารู้สึกแปลกมากที่ได้บอกคนอื่น การพูดถึงภาคีให้คนนอกเป็นบาปสูงสุดที่มีโทษตาย มันอาจจะดูโหดร้ายสำหรับคนนอกอย่างเจ้า แต่เจ้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พวกเราทำลงไปมันสำคัญแค่ไหน... -
อังคะราของข้า กลุ่มชนของข้า พวกเขาได้รับหน้าที่ในการปกป้องเหล่าคนในเวร์แคลส์ทจากพวกเขาเองมาเนิ่นนาน โลกใบนี้มีโบราณวัตถุทรงพลังหลายชิ้น - เจ้าได้พบมันเหมือนกันในการเดินทางของเจ้า แต่มันมีบางชิ้นที่ทรงพลังถึงขั้นว่าการใช้มันจะทำให้โลกตกอยู่ในอันตราย โบราณวัตถุอันตรายอย่างเขาแห่งคูเลมาค เราภาคีแห่งจินน์มีอยู่เพื่อเก็บวัตถุเหล่านี้ไว้เป็นความลับ มันจะดีที่สุดถ้าโลกนี้ลืมว่าวัตถุเหล่านี้กับพวกเราเคยมีตัวตนอยู่ ดีกว่าต้องมาสู้เพื่อควบคุมพลังนี้ที่พวกเขาไม่อาจหวังที่จะคุมได้
-
กฎระเบียบของอังคะราของข้าห้ามไม่ให้สตรีถูกบุรุษต้องกาย ไม่มีครอบครัว ไม่มีการเผยความลับ จึงไม่มีช่องโหว่ แต่ก็ไม่มีข้อใดห้ามสองหญิง... เมื่องานเราเสร็จ ข้าอยากจะผูกพันกับเธอมากขึ้น บางทีเราอาจจะรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้
-
เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเราเพราะเจ้าไม่จำเป็นต้องได้ยิน ข้าใช้คำว่า พวกเรา... แต่จริงๆ แล้วมันก็เหลือข้าคนเดียว พวกเรามาจากทุกชนชั้น แต่ทุกคนล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกภาคีรับเลี้ยง ถูกสอนว่าการพูดถึงภาคีนี้ถือเป็นโทษตาย ข้าเข้าใจว่ามันดูโหดร้าย แต่หน้าที่ของพวกเราสำคัญมากจนเราต้องใช้ชีวิตอย่างสันโดษและลี้ลับ
พวกเราตกเป็นความลับเป็นเวลาหลายร้อยปี หรืออาจหลายพันปีก็เป็นได้ จนกระทั่งยานัส เพแรสดัส... ไอ้... ไอ้โง่นั่น... มันขายพวกเรา มันใฝ่หาเกียรติแห่งตระกูลของมัน มันอาจทำให้เราทั้งหมดต้องเจอกับหายนะเหมือนกับชิตัส ทวดของมันก็เป็นได้ -
เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อตระกูลเพแรนดัสที่โด่งดังแน่ๆ ข้าไม่สงสัยเลย มั่งคั่ง มีอำนาจ และเป็นผู้ที่ทำให้มาลาไคนำพาเวร์แคลส์ทสู่ความย่อยยับเมื่อหลายศตวรรษก่อน ซึ่งจักรพรรดิชิตัสคือผู้ที่โด่งดังที่สุดในตระกูล ถึงตอนนี้เราก็ยังเห็นร่องรอยสายเลือดชั่วของมันได้
ยานัสคือหนึ่งในร่องรอยนั้น เขาเองก็ตกเป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน แต่เนื่องจากสมบัติของเพแรนดัสเริ่มแห้งเหือดบวกกับชื่อของเพแรนดัสนั้นมีประโยชน์นัก จึงไม่มีผู้ใดกล้ารับไปเลี้ยง มีเพียงอังคะราของข้าเท่านั้น
เพราะเขาเป็นผู้รอดชีวิตอีกคนที่เหลืออยู่ และเขาเป็นสมาชิกที่มีอำนาจในองค์กรอิมมอร์ทัล ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขานั่นแหละที่ขายพวกเรา
มันคงมีแค่ข้อเดียวที่ข้ามองว่าดี นั่นคือข้าจะได้เอาคมดาบของข้าแทงเข้าไปในเนื้อหนังของมันซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก - Members & Research
-
อีกรินผู้เยาว์ นิมิตของเจ้านำเหล่าแอสเมรีไปสู่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยพวกวาล์
พวกมันขับไล่เจ้า แต่ภาคีแห่งจินน์พร้อมยอมรับเจ้า -
อีกรินแห่งความมืดระหว่างหมู่ดาว ผู้พูดความจริงที่แปดเปื้อน
เราขอสาปแช่งเจ้าผู้ที่วิญญาณสะท้อนเสียงบ้าคลั่งของความว่างเปล่า! -
อีกรินแห่งความมืดระหว่างหมู่ดาว ผู้หลอมดาบผนึก
ขอให้ชื่อของท่านถูกไถ่ถอนจากการเสียสละอันไม่คาดคิดของท่าน -
เบทูเชียผู้เยาว์ เจ้าหาได้เป็นเด็กกำพร้านิรันดร์อีกต่อไป
จากนี้ไปภาคีแห่งจินน์จะเป็นครอบครัวใหม่ของเจ้า -
เบทูเชียผู้ทรงเกียรติ ด้วยความกล้าหาญและซื่อสัตย์ของเจ้า
เราภูมิใจที่จะมอบหมายการเก็บวัตถุโบราณแห่งความฝันไว้ในมืออันคู่ควรของเจ้า -
เบทูเชีย ผู้ถือครองดาบผนึก การเสียสละของท่านทำให้ภาคีแห่งจินน์รอดมาได้
แต่เราจะเจ็บปวดตลอดไปจากการสูญเสียเจ้า -
เคียนกาผู้เยาว์ พวกมนุษย์ยอดเขาเห็นว่าเจ้าไม่บริสุทธิ์
แต่ภาคีแห่งจินน์มองเห็นความแข็งแกร่งในความไม่เหมือนใครของเจ้า -
เคียนกาแห่งหมู่ดาว ผู้ฝันไกล เธอผู้เป็นดวงดาราอันหนาวเย็น!
เราขอมอบนามนี้ให้ผู้ซึ่งสามารถพูดกับสิ่งสุดพรรณนาได้ -
เคียนกาแห่งหมู่ดาว ผู้มอบดาบผนึกให้กับเหล่าผู้เฝ้าระวัง ไปเถิด
ให้ชีวิตกึ่งฝันของเจ้าได้รอดพ้นจากฝันร้ายของความหิวโหยไร้สีเสียที -
เหล่าผู้เฝ้าระวังเงียบไปแล้ว แต่พวกเขายังคงกรีดร้อง
มีบางสิ่งบางอย่างย่องตามดวงดาวในฝันของเรา
เคาะประตู กระซิบด้วยเสียงของเพื่อนยากที่จากไปเนิ่นนาน... -
นารูมัวผู้ไร้วัย เจ้าเป็นเหยื่อสงครามอันใจแคบของพวกคารุย
แต่ภาคีช่วยเยียวยาแผลของเจ้า ตามวิถีของเจ้า เจ้าจึงตกอยู่ใต้อาณัติของเราแล้ว -
นารูมัว ถึงผู้อื่นจะกลัวพลังของเจ้า แต่ท่านผู้เฒ่าตัดสินว่า
เนตรที่สองของเจ้าเหมาะแก่การดูแลโบราณวัตถุที่มุ่งหมายล้มล้างชะตากรรม -
นารูมัว การรับใช้ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาของท่านนั้นมีค่าอย่างมิอาจประเมินได้
ไปเถิด ไปสู่ฮิเนโครา ไปร่วมกับญาติดึกดำบรรพ์ของเจ้าในโถงแห่งผู้วายชนม์เสียเถิด -
ฮิเนโคราได้ส่งผู้นำสาส์นมายังโลกของเราอีกครั้ง แต่ฮาทุนโกผู้นี้เดินไปยังเส้นทางอื่น
เราต่างตาบอด ตกอยู่ใต้อาณัติของชะตากรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ -
สูเมผู้เยาว์ พวกมาราเค็ทจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ตามลำพังท่ามกลางทะเลทราย
แต่เราเห็นพรสวรรค์ในตัวเจ้า จากนี้ไปภาคีแห่งจินน์จะเป็นอังคะราของเจ้าแล้ว -
สุเมผู้ทรงเกียรติ ในฐานะผู้ครองปัญญาที่เก่งที่สุดของเรา
บัดนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะสืบหาเหตุของการลอกเลียนโบราณวัตถุอันทรงพลังอย่างลึกลับ -
สุเม เจ้าแห่งผู้ครองปัญญา จงไปสู่สุคติเสียเถิด
ภาคีจะปกป้องความลับอันเลวร้ายที่เป็นภาระแก่ท่านในช่วงสุดท้ายของชีวิต -
หนังสือถูกเผา พวกอาลักษณ์เผาตัวตายทั้งเป็น
พวกเขาค้นพบความลับเลวร้ายเพียงใดเล่า?
แม้เวลาจะผ่านมาหลายศตวรรษ เราจะต้องสืบหาคำตอบให้จงได้ -
เจ้าหนูแอ็กนาร์ เหล่าเอโซไมต์ที่อาฆาตแค้นได้สังหารครอบครัวเจ้า
แต่เราได้ดึงเจ้าออกจากเปลวไฟ จากนี้ไปภาคีแห่งจินน์จะเป็นเผ่าของเจ้าแล้ว -
แอ็กนาร์ผู้ทรงเกียรติ ในหมู่พวกเราไม่มีใครเข้าใจสัตว์ร้ายของโลกใบนี้ได้ดีกว่าเจ้าแล้ว
เจ้าย่อมไขปริศนาของวัตถุโบราณแห่งพงไพรได้เป็นแน่ -
แอ็กนาร์ เจ้าแห่งสรรพสัตว์ ภาคีเป็นเผ่าของท่านในยามเป็น แต่เหล่าเทพอาวุโส
ได้เรียกบุตรที่พวกเขาโปรดปรานกลับไป พรแห่งนิมิตของพวกเขาย่อมถูกส่งไปยังผู้อื่น -
เมื่อไม่มีเจ้าแห่งสรรพสัตว์ที่มีประสบการณ์ที่หาดินแดนใหม่ให้กับพวกมัน
การออกล่าทำลายล้างของเหล่าเทพอาวุโสจึงนำพาพวกมันเข้าใกล้เวร์แคลส์ทเข้าไปทุกที -
โอมิดผู้เยาว์ พวกมนุษย์เถ้าถ่านพยายามโยนเจ้าไปเป็นอาหารของเทพแห่งภูเขาไฟของพวกมัน
แต่พวกเราพบเจ้าก่อน จากนี้ไปภาคีแห่งจินน์จะเป็นเผ่าของเจ้า -
โอมิดผู้ทรงเกียรติ เราขอมอบหมายให้เจ้าสืบหา 'ซอปห์' อันลึกลับนี้
รวมถึงวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับรอยแยกของโลกเรา -
โอมิด หัวหน้านักวิจัยได้ออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายว่า: โลกต้องไม่มีวันล่วงรู้
-
คำสั่งสุดท้ายจากท่านหัวหน้านักวิจัยนั้นล้มเหลว
เทมพลาร์ระดับสูงได้พบความจริงเรื่องสถานการณ์ของเรา
และความกลัวของเขาจะทำให้โลกแตกสลาย -
ซาร์สค์ผู้เยาว์ เจ้าเป็นเด็กน้อยผู้ผุพังและถูกลืมที่มีดวงตาดั่งแก้ว
นอนอยู่ท่ามกลางเหวเนื้อหนังแห่งทาร์ทัส แต่ภาคีได้พบและชำระล้างเจ้าแล้ว -
ซาร์สค์ วิญญาณอันทรมานของเจ้าทำให้เจ้าได้แปลกแยกกับเพื่อนฝูงมาเนิ่นนาน
แต่มันทำให้เจ้าได้พบกับเครือญาติใหม่ เจ้าได้รับมอบหมายในการปลอบโยนวิญญาณระทมเหล่านั้น -
ซาร์สค์ผู้เยาว์ แม้เจ้าจะถูกกลืนกินโดยความมืดของตัวเจ้าเอง
แต่เจ้าได้ช่วยเหลือหลายต่อหลายชีวิตให้พ้นจากความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์ เจ้าไม่ได้ไร้ความหมายดังที่เจ้ากลัว -
เมื่อไม่มีผู้ที่พูดแทนผู้ตาย วิญญาณระทมเหล่านี้ย่อมเพิ่มขึ้นไปทุกที
พวกเขาไม่มีเสียง ไม่มีความหวัง ดวงตะวันมืดลงไปทุกปี -
เรฟนาผู้เยาว์ คนของเจ้ามิได้สัญจรในทวีปนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่ภาคีแห่งจินน์จะเป็นบ้านหลังใหม่ให้กับเจ้า -
ลูกศิษย์เรฟนา เมื่อเจ้าถลำลึกไปสู่ปริศนาของโลกใบนี้
จงเรียนรู้จากอดีต แต่อย่าจมดิ่งไปกับมัน -
ช่างอักขระเรฟนา เราขอฝังท่านไว้อย่างสงบในป่าลึก
เพื่อให้ท่านได้หลบซ่อนไปจากดวงดาวที่ทำให้ท่านหวาดกลัวในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน
ขอให้ท่านได้คลายกังวลจากความลับที่ท่านเก็บไว้จนวันตายเถิด -
ความมืดพุ่งพล่านในเงาอดีตกาล ภัยชั่วร้ายแต่กาลก่อนกำลังตื่น เหล่าดวงดาราเฝ้ามอง โดดเดี่ยวอยู่ตลอดกาล คุกคามอยู่ตลอดไป ไม่มีผู้ล่วงรู้ความลับคนใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เราจึงไม่อาจป้องกันตัวจากภัยลึกลับนี้ได้
-
เรแธนผู้เยาว์ ในฐานะคนไบร์นร็อทคนแรกที่เข้าร่วมภาคี
เจ้าจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ เรามั่นใจว่าเจ้าจะทำได้ -
เรแธน จากการที่เจ้าควบคุมและใช้พลังแห่งไฟฟ้า
เราขอมอบหมายให้เจ้าศึกษาพลังงานใหม่นี้ -
อย่าเรียกเขาว่าเรแธนผู้ทรยศเลย การค้นพบของเขามันสำคัญกว่าที่เราจะปิดกั้นไว้
ตอนนี้ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันก็อยู่ในมือของอารยธรรมแล้ว -
ความคลั่งเคลื่อนทัพในร่างกล
พลังสายฟ้าถูกใช้งาน ใบหน้าที่น่ากลัว กับความทะเยอทะยานเยือกเย็นอยู่ถ้วนทั่ว
อารยธรรมจะทำลายตัวมันเอง -
รินด์วิคผู้เยาว์ ค่ายโจรของพวกเจ้าได้ทิ้งเจ้าไปหลังจากที่พวกมันลอบจู่โจมล้มเหลว
ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าพวกเรามีตัวตนอยู่จริง เราจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้ เจ้ามีสองทางเลือก -
รินด์วิค คนของพวกเจ้ามันเป็นพวกทรยศ แต่เจ้าได้พิสูจน์ความจงรักภักดีแล้ว
เจ้าจะเป็นคนนำกองอารักษ์ของหน่วยสำรวจของเรา -
รินด์วิค เจ้าแห่งนักรบได้พ่ายแพ้แก่ศัตรูเพียงผู้เดียว: อายุขัย
มีเพียงนักรบที่แกร่งกล้าเท่านั้นที่จะพูดได้เช่นนั้น -
เมื่อไม่มีผู้ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกต่อไป พวกทรยศก็ปรากฏกายอีกครั้ง
พิษของพวกมันจะปกคลุมทั่วผืนแผ่นดิน -
ยูติชัสผู้เยาว์ ศาสนาของเจ้าและภาคีของเราไม่ได้ขัดแย้งกัน
ขอให้นี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งการร่วมมือ -
ผู้ดูแลยูติชัส ในฐานะคนของเราในห้องนั้น
เราขอมอบสิทธิ์เข้าถึงแดนที่พวกเราขาดแคลนทรัพยากรในการสำรวจ -
จากชะตากรรมของผู้ดูแลยูติชัสและผู้ใต้บัญชาของพระคาร์ดินัลแซงค์ทัส วอกซ์
อย่าให้ผู้ใดได้ท้าทายแดนนี้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นพวกเขาจะถูกความหิวโหยอันชั่วร้ายกลืนกินไปชั่วนิรันดร์เช่นกัน -
เนื่องจากเส้นทางระหว่างเวร์แคลส์ทและดินแดนเหนือกาลเวลาถูกฉีกให้เปิดออก
เราจึงเข้าใกล้วิกฤติสงครามชั่วนิรันดร์
และไม่เหลือผู้ใดที่จะหยุดยั้งเราไว้ได้ -
ซารินา ทิทูเชียส วงศ์ตระกูลของเจ้านั้นเสื่อมเสียในประวัติศาสตร์
แต่สำหรับภาคีแห่งจินน์ เจ้าจะได้เกิดใหม่ -
ซารินาผู้ทรงเกียรติ ในฐานะที่เจ้าสามารถตีความภาษาของเหล่าผู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
เรามอบหมายให้เจ้าสืบหาเจตนาของพวกมันต่อดินแดนพวกเรา -
ซารินา ทิทูเชียส จากที่เจ้ามีความกล้าหาญอยู่ภายหลังประตูนั้น
เราขอมอบสคารับเคลือบทองตัวแรกเพื่อเป็นเกียรติขณะที่ผู้รับที่มีชีวิตอยู่ จงระมัดระวังเสมอ -
การพักรบพันปีได้สิ้นสุดลงแล้ว เพราะเหล่าผู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้จองจำพระเจ้าของพวกเขา
หากพวกมันรุกรานอีกครั้ง คราวนี้จะไม่มีการเตือนอีกต่อไป -
ดูห์นานผู้เยาว์ เราดึงตัวเจ้ามาจากมหาสมุทรอันแสนคลั่ง
แต่เราไม่อาจนำตัวเจ้าคืนสู่บ้านเกิดได้
ภาคีแห่งจินน์ขอเป็นที่พำนักให้เจ้าที่เวร์แคลส์ท -
ดูห์นานผู้ทรงเกียรติ จากการใช้เทคนิคจากบ้านเกิดของเจ้า
ในการต่อกรกับโรคราระบาด เจ้าจักนำสงครามในการกำจัดมัน
และหยุดวัฏจักรศตวรรษแห่งการแพร่เชื้อเสียที -
ดูห์นานผู้ชำนาญโรครา จงไปสู่สุคติเถิด ณ ชายฝั่งอันแสนไกลที่บ้านเกิดเจ้า
มันเป็นการเดินทางที่อันตราย แต่คู่ควรกับผู้ที่สละชีวิต
เพื่อชำระล้างเวร์แคลส์ทให้สะอาด -
โรคราระบาดกลับมาอีกครั้ง บัดนี้รากมันได้ปรับตัว
หัวใจของเชื้อร้ายที่ดูห์นานตั้งสมมติฐานไว้ย่อมอยู่ที่ใดเป็นแน่
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าแกร่งพอที่จะทำลายมันให้สิ้น -
เราลากเจ้าออกมาจากกองศพ อิกซ์เชลผู้เยาว์
ในยามที่กลุ่มชนเจ้ากลัวเสียจนสิ้นสติ
ทวยเทพอาจจากไป แต่ภาคีจักดูแลเจ้า -
จากการแฝงตัวเข้าไปในคณะนักบวชเยาแมค
แล้วนำร่างเขาที่หลับใหลกลับมา
อิกซ์เชล เรามอบเกียรติให้แก่เจ้า
งานถัดไปของเจ้าคือการแฝงตัวเข้าไปในวิหารแห่งเคออส -
มันเป็นความผิดพลาดของเรา อิกซ์เชล ผู้ลักเทพ
ที่ทำให้เจ้าพบชะตากรรมเช่นนี้ เคออสมิได้หลับใหล
จึงหาได้เป็นเทพไม่ เราขอแสดงความเสียใจชั่วนิรันดร์
แก่ความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์ของเจ้า -
สงครามอันเงียบงันแห่งเงามืดและการต่อสู้จะต้องพักเอาไว้
ความเรียบร้อยและเคออสต้องรวมเป็นหนึ่ง
ต่อคลื่นที่ใกล้ถาโถมเข้ามา - องค์กรอิมมอร์ทัล
-
สมาชิกของพวกมันที่เราสยบไป... แบบว่า... พวกมันคืนชีพ ข้าไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
พวกมันไม่ได้เป็นซอมบี้ไร้ความคิด แต่ไม่ว่าด้วยวิธีไหนพวกมันกลับมา... มีชีวิตอย่างแท้จริง นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พวกมันเรียกตัวเองว่าองค์กรอิมมอร์ทัล ความเป็นอมตะนั้นอันตราย แม้ในมือของผู้มีเจตนาดีก็ตาม -
ในที่สุดเราก็ได้ชื่อแล้ว คาทาริน่า ข้ารู้จักนะ เธอเป็นหมอผีทรงพลังที่ใช้พรสวรรค์... ในทางที่ผิด ข้าไม่รู้หรอกว่าเธอเรียนรู้ที่จะชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นมาอย่างเที่ยงแท้ได้อย่างไร แต่... ข้ามีข้อสันนิษฐานอยู่ และข้ามีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าพลังที่กล้าแกร่งไม่ได้ได้มาฟรีๆ หรอก
ดูเหมือนเธอจะซื้อพลังมาด้วยวิธีที่ผิดมนุษย์
เราต้องสืบให้เจอว่าเธอซ่อนตัวอยู่ไหน มันเสี่ยงเกินไปที่จะยอมให้เธอดำเนินการต่อ -
ในที่สุดก็เห็นภาพชัดเจน คาทาริน่าพบสิ่งประดิษฐ์โบราณที่สามารถบงการพลังชีวิตได้ตามใจอยาก เธอเสาะหาอำนาจ ไม่ใช่เพียงอำนาจเวทมนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นอำนาจทางการเมืองอีกด้วย การทำให้คนเป็นอมตะได้เป็นเครื่องมือต่อรองชั้นดีจริงๆ
เวร์แคลสท์นั้นแตกแยก เกิดการแบ่งกลุ่มเล็กๆ น้อยๆ ท่ามกลางแผ่นดินขนาดมหาศาล แต่มันย่อมไม่เป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล คาทาริน่ารู้เช่นนี้ เธอเลยเล่นเกมยาว รอเป็นราชินีอมตะ
ลูกน้องของเธอย่อมไม่กล้าขัดขวางเธอ เพราะเธอให้ความอมตะได้ และพรากมันไปได้เช่นเดียวกัน
มันมีเหตุผลที่ทำไมภาคีของข้าถึงเก็บซ่อนเขานี้ไว้นาน และเรากำลังเห็นมันเกิดขึ้นต่อหน้าเรา -
ในที่สุดก็เห็นภาพชัดเจน คาทาริน่าพบสิ่งประดิษฐ์โบราณที่สามารถบงการพลังชีวิตได้ตามใจอยาก เธอเสาะหาอำนาจ ไม่ใช่เพียงอำนาจเวทมนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นอำนาจทางการเมืองอีกด้วย การทำให้คนเป็นอมตะได้เป็นเครื่องมือต่อรองชั้นดีจริงๆ
เวร์แคลสท์นั้นแตกแยก เกิดการแบ่งกลุ่มเล็กๆ น้อยๆ ท่ามกลางแผ่นดินขนาดมหาศาล แต่มันย่อมไม่เป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล คาทาริน่ารู้เช่นนี้ เธอเลยเล่นเกมยาว รอเป็นราชินีอมตะ
ลูกน้องของเธอย่อมไม่กล้าขัดขวางเธอ เพราะเธอให้ความอมตะได้ และพรากมันไปได้เช่นเดียวกัน
เธอกำลังตั้งตนเป็นทรราช ยิ่งเราปล่อยให้เธอสะสมอำนาจ เธอก็ยิ่งถูกกำจัดได้ยากตาม -
เราถูกสอนแค่สิ่งที่คนรุ่นก่อนสอนๆ กันมาเท่านั้น พวกเราเชื่อว่าเขานี้คือสุดยอดเครื่องมือชี้ความเป็นตายที่สามารถดูดพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ได้ เราไม่รู้ว่ามันมาจากไหน มันอาจจะเป็นซากของสัตว์ที่เกรียงไกรที่ตายไปนานแล้วก็ได้ ไม่ก็อาจเป็นสิ่งที่เทพเจ้าสร้างไว้เองก็ได้
ไม่ว่ามันจะมาจากที่ไหน ข้าเชื่อว่าเขานี้เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรอิมมอร์ทัลมีความสามารถคืนชีพได้ดั่งปาฏิหาริย์ -
ข้าคงไม่เชื่อเจ้าถ้าข้าไม่ได้เห็นเรือเซถลาเข้าสู่ฝั่งเวร์แคลส์ทเข้ากับตา งั้น... พวกเทพเจ้าได้กลับมาแล้ว โอริอาทก็พินาศ ว่าง่ายๆ ว่ามันทำให้เรื่องต่างๆ มันซับซ้อนขึ้นไปอีก
เอ็กไซล์ ข้าเชื่อว่าองค์กรมันกำลังพยายามสร้างการปกครองรูปแบบใหม่ พวกเทมพลาร์มันโหดร้าย แต่อย่างน้อยพวกมันก็ตายได้ ถ้าอำนาจขององค์กรแข็งกล้าขึ้นไปอีก พวกมันจะสามารถปกครองเวร์แคลส์ทและที่อื่นได้โดยไม่ต้องกลัวการก่อกบฏ คนธรรมดาที่ตายได้อย่างเราจึงไม่มีตัวเลือกนอกจากยอมสยบ หรือเพิ่มเชื้อไฟให้กับวงจรการเวียนว่ายตายเกิดของพวกมัน -
โลกเป็นหินดึกดำบรรพ์ที่แข็งกระด้างและแน่นิ่ง เราเป็นเพียงน้ำที่ไหลผ่านผิวของมัน ทิ้งร่องรอยเพียงชั่วครู่ไว้ก่อนที่เราจะจมลงไปใต้ผิวของมัน ชีวิตเราสั้นเสียราวกับว่าหินก้อนนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
หากมีเวลามากพอ สายฝนย่อมเปลี่ยนรูปร่างก้อนหินนั้นได้ น้ำแต่ละหยดที่ไหลรินเพียงชั่วครู่ย่อมขัดผิวอันหยาบกร้านให้อ่อนลงตามเวลาที่พ้นผ่าน ทว่าไม่มีลิขิตอะไรที่กำหนดไว้แม้แต่น้อย ไม่มีผู้ใดที่นำหินไปสู่รูปร่างที่มีประโยชน์ยิ่งกว่า มีเพียงแรงธรรมชาติ มีเพียงความโกลาหล
แล้วหากมันไม่เป็นเช่นนั้นเล่า? หากมีใครสักคนที่คุมสายฝนเล่า? หากมีใครสักคนที่วางแผนไปไกลเกินชีวิตของเราที่มีขีดจำกัดอันแสนสั้นเล่า?
เราจะปลดศักยภาพใหม่ๆ ใดออกมาได้บ้าง? -
เจ้าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มาในวันนี้? หรือสัปดาห์นี้? เจ้าไปได้ไกลเท่าไหร่ในชั่วชีวิตนี้? หากเจ้าตายลงในวันนี้่ สิ่งที่เจ้าเรียนรู้มาจะหายไปตลอดกาลสักกี่อย่าง?
สังคมของเราก้าวหน้าได้ด้วยการต่อยอดจากความรู้ก่อนหน้า เป็นอิฐต่างๆ ที่ก่อทับอิฐต่างๆ โดยที่ก้าวใหญ่ๆ ของประวัติศาสตร์นั้นมักสูญหายไปจากความตายอันไม่คาดฝัน เหลือเพียงรูว่างรูหนึ่งในกำแพง จะต้องใช้เวลานานเท่าไรจนกว่าใครสักคนจะปีนสูงมามากพอที่จะสร้างต่อไปกันแน่?
เราย่อมไม่อาจอยู่รอดไปตลอดกาลได้เสียทุกคน ต้องมีผู้เสียสละบ้าง หากเรามีเวลามากพอที่จะสร้างความรู้นั้น การที่เราต้องใช้เลือดพี่น้องเราเป็นเชื้อไฟแก่สิ่งนั้นในวันนี้อาจไม่จำเป็นอีกต่อไปในวันหน้า -
การเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ย่อมมีผู้ต่อต้าน ผู้มีอำนาจที่ต่อกรกับภัยใดๆ ที่ส่งผลต่ออำนาจของพวกมัน แต่ว่าเหล็กนั้นมิได้หลอมด้วยอากาศเย็น มันถูกหลอมด้วยความร้อนอันดุร้าย
ความร้อนนั้นกำลังมา พี่น้องทั้งหลาย พวกมันพยายามทำลายพวกเรา พยายามทำให้เราแตกแยกกันเอง และทำให้เราต้องเผชิญกับสถานการณ์อันยากที่จะรอดพ้น แต่ระหว่างนั้นเราต้องสมัครสมานสามัคคีกันเสมอ
แม้เราคลานผ่านดินโคลน ทำงานอย่างลับและเงียบงัน แต่ในท้ายที่สุดเราย่อมถูกลิขิตให้เป็นผู้กอบกู้เวร์แคลส์ท การเสียสละที่เราจำต้องทำนั้นเป็นเพียงกิ่งไม้กิ่งหนึ่งในเตาหลอมของเรา และวันนั้นย่อมมาถึง วันที่ดาบของเราถูกหล่อหลอมให้เป็นอาวุธอันยิ่งใหญ่ และเราอาจผ่าผ่านความตายที่หลอกหลอนเรามาตลอดเสียที -
เราฝังผู้ตาย แมลงกัดกินเนื้อหนังกับกระดูก... การเน่าสลายเริ่มดำเนิน... ชั่วชีวิตที่ถูกลดให้เหลือเป็นอาหารของหญ้าที่อยู่เบื้องบน สูญเปล่า แต่วิญญาณน่ะ โอ้ วิญญาณ... วิญญาณมิได้เป็นอาหารแก่แผ่นดินเสียด้วยซ้ำ มันจะล่องลอยล่องหนไปสู่อากาศธาตุ มิถูกใช้ประโยชน์ มิถูกใช้งาน หายไป
มันจะมีอะไรที่เป็นการใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าไปกว่าการปล่อยให้วิญญาณสลายหายไปสู่ความว่างเปล่าเล่า? เราหวังและภาวนาว่าจะมีอะไรที่มากไปกว่านี้ แต่ในตอนนี้และปัจจุบันนี้เรามีเครื่องมือที่จะรับรองว่าไม่ต้องมีชีวิตหลังความตายอีกต่อไป เรามีเครื่องมือที่สามารถสร้างชีวิตในอุดมคติได้ที่นี่ในเวร์แคลส์ท ผ่านมนต์มณี สิ่งที่เราขาดไปก็มีเพียงเวลา แต่ว่าเขาวิเศษนั้นมอบสิ่งที่เราขาดไปเช่นเดียวกัน
พี่น้องทั้งหลาย จักรวรรดิใหม่กำลังจะบังเกิด เราเป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดินั้น เหล่าผู้ที่ตายเพื่ออุดมการณ์ของเราจะดำรงอยู่ต่อไปภายในพวกเรา และนามของพวกเขาจะถูกจารึกไว้ในรากฐานดินแดนอุดมคติของเรา -
ประชาชนต้องการผู้นำที่แข็งแกร่ง เมื่อโอริอาทพองบวมจนไหลล้นมาสู่เวร์แคลส์ท ผู้ซมซานและหิวโหยจะมองหาใครสักคนผู้ปกป้องให้พวกเขารอดพ้นจากอันตราย ตอนนี้มันเป็นเพียงเรื่องของการเอาตัวรอด แต่ยามเวลาพ้นผ่าน มันย่อมก่อตัวเป็นสังคมที่แท้จริง และต้องมีใครสักคนที่ก้าวเข้ามาครองราชย์
เมืองหนึ่งมิได้ถูกสร้างในวันเดียว หรือกระทั่งในชั่วชีวิต ซาร์นถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกันจนถึงวันที่เมืองนั้นมอดไหม้ เมื่อมีหลายต่อหลายมือที่ร่วมสร้างเมืองนี้อย่างมากมาย รอยร้าวกับจุดผิดพลาดย่อมก่อตัว ผู้คนจะทะลักผ่านรอยรั่วเหล่านั้น เกิดการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย
โอริอาทมิได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของซาร์นแม้แต่น้อย แต่จะโทษพวกเขาก็มิได้ ความตายของผู้ครองราชย์ย่อมทำให้จักรวรรดิเปลี่ยนทิศทางไปตามสายลมอยู่เสมอ
เมื่อเรามีราชินีผู้เป็นนิรันดร์ นี่เป็นปัญหาที่เราไม่มีวันต้องเผชิญ - Metamorph
-
อะไรที่ทำให้เจ้าเป็นตัวเจ้า และข้าเป็นตัวข้า? บางคนบอกว่ามันคือวิญญาณ ที่เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนแต่มีมาตั้งแต่เราเกิดจนถึงวาระสุดท้าย แต่ข้าก็เห็นวิญญาณที่เดินบนดินแดนแห่งนี้ที่ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเจ้าพวกหนูและโรอ์เลย
มันเป็นอย่างอื่น มันเป็นอะไรที่ยังไม่มีใครค้นพบ เสียงกระซิบ เปลวเพลิงสั่นไหวที่เผาตัวตนของเราทุกตารางนิ้วจนกว่าจะดับสูญ แต่ถ้าเกิดเราสามารถจับมันก่อนที่มันจะดับสูญได้ล่ะ? เก็บมันไว้ในขวด? รักษามันไว้ และบางที เติมเชื้อไฟใหม่ให้มันเพื่อแผดเผาได้อีกครั้ง?
เจ้าจะพบว่าแถวนี้มีสัตว์ดุร้ายกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด จัดการพวกมันซะ ตัดชิ้นส่วนตัวอย่างจากตัวพวกมัน แล้วนำมันมาให้ข้า เราจะมาค้นหาธาตุแท้ของตัวตนกัน -
เป็นไงล่ะชาวโอริอาท เห็นหรือยังว่าเรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่? นั่นคือสิ่งที่หลับใหลอยู่ในเหล่าอสุรกายที่พบได้แถวนี้ แล้วความมืดที่หลับใหลอยู่ในตัวข้าล่ะ? แล้วตัวเจ้าล่ะ? แล้วถ้าเราสามารถดึงเอาความมืดนั้นออกมาได้ ไม่แน่เราอาจจะสามารถดึงเอาสิ่งที่ทำให้เรา... เป็นเรา ออกมาก็ได้?
ลองไปคิดทบทวนดู แล้วเมื่อพบกันคราวหน้า เราจะมาเริ่มหาคำตอบกัน -
อาจารย์ของข้ารู้จักกับแผนการของพวกเทมพลาร์หัวกะทิอย่างเธอแน่นอน ข้ารู้สึกสัมพันธ์กับเธอนะ เพราะพวกเราทั้งสองต่างสูญเสียชื่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะตั้งใจทำมันด้วยตัวเองก็ตาม พวกเราต่างพยายามสร้างบางสิ่งเพื่อตนเอง แต่ความรู้สึกสัมพันธ์นี้มันก็จบลงตรงที่วิธีการที่เธอทำให้ตนเองมีชื่อเสียงได้สำเร็จ ข้าชอบความรู้สึกใฝ่รู้นะแต่ว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยวิธีการที่เธอใช้ในการได้ความรู้นั่นมา
หากสิ่งที่เจ้าพูดมามันจริง ว่าตอนที่เธอกำลังจะตาย เธอพยายามไถ่บาปของเธอเอง มันก็เป็นแสงส่องทางในการสำรวจความมืดมิดนี้ บางทีความตายอาจจะเป็นสิ่งผลักดันให้เราทำความดีก็ได้ เพื่อยับยั้งสันดานดิบของเรา... สิ่งที่เราทำไว้อยู่นานกว่าชีวิตของเรานี่นา -
ชิ้นส่วนที่เจ้าเก็บมาได้ แม้มันจะดูน่าขนลุกไปหน่อย แต่ซ่อนไว้ซึ่งความลับนับไม่ถ้วน ไม่ว่าเนื้อหนังและโลหิตและกระดูกและเส้นเอ็นล้วนแล้วแต่เป็นเพียงของบังหน้าเท่านั้น มันเป็นหน้ากากที่ซ่อนความจริงที่เป็นพลังผลักดันพวกเรา ข้ากำลังพูดถึงธาตุแท้ของความมืด เป็นแรงปรารถนาและสัญชาตญาณที่พวกเราทุกคนต่างสู้กับมันทั้งนั้น แต่แทบไม่มีใครเอาชนะได้ ความมืดนี้มันซ่อนอยู่ภายในพวกเรา รอคอยจังหวะที่เราอ่อนแอ เป็นช่วงเวลาที่มันจะควบคุมเรา เหมือนนายทาสอันแสนโหดร้ายที่มองไม่เห็น
แต่เราสามารถเกลี้ยกล่อมมันออกมาได้...
อาจารย์ของข้าเรียกมันว่าวารีคนบาป เป็นสารประกอบที่อาจารย์ข้าใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของเขาสร้างมันขึ้นมา อาจารย์ข้ามักจะเอาสารประกอบนี้ให้เด็กๆ ของเขากินแล้วปล่อยให้พวกมันตบตีข้าระหว่างที่อาจารย์คอยจดบันทึก เอาจริงๆ นะ ข้าคิดว่าสารประกอบของอาจารย์มันใช้การไม่ได้เหมือนกับยาอายุวัฒนะของเขานั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้ทำให้การทุบตีของพวกมันเบาลงสักนิด
สูตรของเขาผิดพลาด แต่แนวคิดของเขามันฟังขึ้น แต่สูตรของข้าใช้ได้จริง อย่างที่เจ้ากำลังจะได้เห็นนี่แหละ
ขอล่ะ ใส่ชิ้นส่วนตัวอย่างนั่นลงไปในโหล และเตรียมอาวุธของเจ้าไว้ให้พร้อม เจ้ากำลังจะได้เห็นความมืดที่เป็นแรงผลักดันพวกเรา -
วิธีการการพัฒนาสารละลายเก็บรักษาให้ดียิ่งขึ้น
ผงที่ทำจากมณีบารมีบดละเอียด 4 ส่วน
กรดทาร์ทานที่ลดความชื้นที่ไม่จำเป็นออกแล้ว 4 ส่วน
อัมบราเหลวกลั่น 2 ส่วน
แร่ซัลไฟต์มนต์มณีในสถานะผลึกที่สุดของมัน 2 ส่วน
แร่วอล์ทาซิกซัลไฟต์แช่ถังน้ำแข็งไว้ข้ามคืน 1 ส่วน
เลือด (ที่ยังไม่แข็งตัว) 1 ส่วน
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของอินโนเซน 1 ส่วน
ผสมแร่ซัลไฟต์มนต์มณีเข้ากับผงหินช้าๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นเติมกรดทาร์ทานเพิ่มครั้งละหนึ่งส่วนจนกว่าสารละลายกรดจะมีสีเขียวปี๋ จากนั้นรอจนกว่าผงหินจะละลายจนหมด
เติมอัมบราเหลวและเลือดลงไปพร้อมกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเลือดที่เติมลงไปนั้นสดใหม่ เนื่องจากเลือดที่แข็งตัวแล้วทำให้การทดลองรอบก่อนล้มเหลว ทำให้เด็กๆ ต้องชดใช้ด้วยร่างกาย จากนั้นผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้เลือดและอัมบราแยกชั้นกัน จะเริ่มเกิดเป็นต่อมพร้อมควันที่ชวนเวียนหัว
ค่อยๆ เติมแร่วอล์ทาซิกซัลไฟต์ทีละนิด ระวังอย่าให้โดนผิวหนัง คนส่วนที่ยังไม่บริสุทธิ์และตักด้านบนออก
เติมน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ลงไป จากนั้นดื่มทันที
มีการจดบันทึกแยกต่างหากไว้
ผู้ร่วมการทดลองปฏิเสธที่จะอ้าปาก ข้าส่งให้มันไปเอาโซ่มา หวังว่าความล่าช้านี้จะไม่ทำให้สารละลายหมดฤทธิ์ เนื่องจากมันเป็นสารละลายที่ไวต่อเวลามาก
ผลลัพธ์:
สมุดหน้านี้ถูกเว้นว่างไว้เขียนไม่สำเร็จหน้าบันทึกที่ถูกขยำ, "อ่าน"
-
เพื่อสร้างอสุรกายแห่งความมืดเราจะต้องใช้ชิ้นส่วนจากสิ่งที่ตายแล้ว เราทำลายชิ้นส่วนนั้นและดึงเอาความอาฆาตแค้นที่ฝังอยู่ภายในออกมาทำให้เกิดเป็นร่างขึ้น โดยข้าคาดหวังว่าสักวันหนึ่งเราอาจจะทำสิ่งตรงกันข้ามได้ นั่นก็คือทำลายความมืดทิ้งไปโดยเหลือร่างกายเอาไว้
และเพื่อการนั้น ข้าได้รับต่อมหายากมา ไม่มีอะไรเหมือนกับสิ่งนี้ในโลกใบนี้อีกแล้ว มันคือธาตุแท้ของมนุษย์ ไม่ว่าด้วยเจตนาหรือวัตถุประสงค์ทั้งหมดทั้งมวล มันก็คือวิญญาณนั่นเอง บุคคลนี้เป็นผู้โหดเหี้ยมอำมหิตเหนือสิ่งใดจะสามารถวัดได้ แต่ข้าก็ได้ยินมาว่า เขาก็มีความเมตตาอยู่เช่นกัน และตอนนี้มันก็แข็งแรงมากพอที่จะนำไปฝังไว้ในสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีอารมณ์โหดร้ายพอกัน ซึ่งมันจะเกิดเป็นชีวิตใหม่ขึ้นมา
ทีนี้ลองจินตนาการดูว่าถ้าเราสามารถทำลายความมืดนี้ได้ วิญญาณอำมหิตนี้จะถูกชำระล้างหรือไม่? เราจะสามารถช่วยมันไว้ได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่จากความตาย แต่จากการวินาศไปชั่วนิรันดร์ด้วย?
นั่นแหละคือเป้าหมายที่แท้จริงของข้า - Berek and the Untamed
-
"เธอขอร้องดินให้ไว้ชีวิตลูกชายของเธอ
ดินก็ยินยอมด้วยความรัก
เธอไม่ได้พูดอะไรกับธาตุอื่น
พวกมันจึงวางแผนอย่างมุ่งร้าย"
- เบเรกกับเหล่าผู้ดุร้าย -
"เบเรกซ่อนตัวจากพายุผู้ฟาดสายฟ้า
ในอ้อมกอดของน้ำแข็งที่ไม่รู้เรื่องราว
ถูกขับไล่ด้วยน้ำแข็ง ถูกบดบังด้วยพายุหิมะ
พายุกระหน่ำอย่างสูญเปล่า
ขณะที่เบเรกหลับใหล"
- เบเรกกับเหล่าผู้ดุร้าย -
"จากทางผ่านที่น้ำแข็งได้แช่แข็งเอาไว้
เบเรกยั่วยุเย้ยหยัน
จนกระทั่งเพลิงที่เดือดดาลปีนขึ้นภูเขา
เบเรกหนีผ่านน้ำแข็งที่ละลาย
และเสียงครวญครางอันทรมานของน้ำแข็ง"
- เบเรกกับเหล่าผู้ดุร้าย -
"เมื่อเพลิงโลมเลียส้นเท้าของเขา
เบเรกด่าทอดูถูกเหล่าเมฆ
จนกระทั่งพายุผู้แค้นเคืองพ่นฝนออกมา
และเบเรกก็เกาะเอาไว้แน่น
ยามที่ไฟกรีดร้องและพ่นไอ
แล้วหนีไป"
- เบเรกกับเหล่าผู้ดุร้าย -
"จันทร์แล้วจันทร์เล่าที่เบเรกดูถูก
สามผู้ยิ่งใหญ่และดุร้าย
จนกระทั่งพี่น้องผู้พยาบาท
ต่างสังหารกันและกันอย่างเกลียดชัง
เบเรกจึงก็ออกล่า
โดยลำพังอย่างเป็นไท"
- เบเรกกับเหล่าผู้ดุร้าย - The Queen
-
เหล่าขุนนางต้องการยึดบัลลังก์ของเธอ
เธอปล่อยให้ชาวนายึดสมบัติของพวกเขาไป
เหล่าชาวนาต้องการยึดสมบัติของเธอ
เธอปล่อยให้ทหารเด็ดหัวของพวกเขาไป
เหล่าทหารต้องการเด็ดหัวของเธอ
เธอประทับบัลลังก์พลางร่ำไห้ -
เหล่าทหารบุกห้องบัลลังก์ของเธอ
เหล่าองครักษ์เข้าต้านทาน
แต่เหล่าชาวนาโถมกลืนพวกองครักษ์
เหล่าขุนนางถูกฆ่าตาย
เหล่าขุนนางเข้ายึดบัลลังก์ของเธอ
เธอจึงต้องระเห็จหนีเข้าป่าไป -
เธอสลัดคราบกษัตริย์ในอดีตของเธอเสียสิ้น
และหล่อหลอมชะตากรรมขึ้นมาใหม่
เธอเสียสละความสุขชั่วคราวของมนุษย์
แล้วโอบกอดอำนาจนิรันดร์แห่งธรรมชาติ
เธอยึดถือความปรารถนาที่แท้จริงของเธอ
จนพบความสงบสุขในที่สุด - เทพี
-
เธอวาดข้อเสนอของเธอในเฉดสีที่ชั่วร้าย
รอยยิ้มขาวซีด รอยช้ำสง่างาม
เธอออกอุบายแสนทรามแก่มือสังหารสมัครเล่น:
"เมื่อมีข้าอยู่ในมือ ท่านจะต้องใช้อะไรอีก?" -
ประหนึ่งจุดประสงค์ของเธอเสร็จสิ้น ก็เป็นไปตามคำมั่น
สนิมเปรอะรอยยิ้มเธอเมื่อสังหารปีศาจตนสุดท้าย
เถ้าถ่านเริ่มมอด ทว่าความหวังยังลุกโชนบนริมฝีปากของเธอ:
"หากปลุกเพลิงเก่าขึ้นมาใหม่ เราอาจวินาศสิ้น!" -
ยามเป็นสาวข้าถูกผูกมัด ยามเป็นหญิงชราข้าถูกเหยียดหยาม
ข้ามอบพลังที่พบได้ยาก ส่งทอดความเดือดดาลร้ายกาจมิเบา
ยังไม่พอหรือ? ...ก็ได้ บัดนี้ข้าเป็นทั้งสองเล่มและเป็นสิ่งอื่น
เพื่อรับมือเจ้าไว้ อุ้มชูพรสวรรค์เจ้าให้เติบใหญ่ ไม่เผาไหม้
กลายเป็นเพลิงอันสมบูรณ์ ฉะนั้นอย่าได้พร่ำพรรณาอีกเลยที่รัก
ข้าถูกยกให้ ถูกทรยศ ...ถูกรัก บัดนี้ข้ากลายเป็นเล่มที่สาม